กรุงเทพฯ--1 ก.ย.--มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เตรียมลุยศึกรถเก๋ง ขยับปรับทัพแลนเซอร์รุ่นปัจจุบันรองรับการเปิดตัวรุ่นใหม่ปลายปี เคาะราคาขายใหม่เริ่มต้นที่ 592,000 บาท ดีเดย์ 1 กันยายน เน้นเจาะกลุ่มลูกค้ารถเล็กถึงกลาง ชูความคุ้มค่าของรถทั้งรุ่นธรรมดารองรับอี 20 และรุ่นซีเอ็นจี ครบครันทั้งสมรรถนะ เทคโนโลยี และระบบความปลอดภัย
มิตซูบิชิ ประกาศชื่อสำหรับแลนเซอร์ รุ่นใหม่ “แลนเซอร์ อีเอ็กซ์” (LANCER EX) รถที่เหนือกว่าในทุกการขับขี่ เริ่มขายจริงตุลาคมนี้ มั่นใจ ผลตอบรับเยี่ยม
มร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทฯ มีแผนแนะนำรถยนต์มิตซูบิชิ แลนเซอร์ใหม่ สู่ตลาดเมืองไทยในช่วงปลายปีนี้นั้น บริษัทฯ จึงได้ปรับตำแหน่งของแลนเซอร์รุ่นปัจจุบันเพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น โดยการปรับราคาขายใหม่เริ่มต้นที่ 592,000 บาท ถึง 682,000 บาท สำหรับรถแลนเซอร์ 4 รุ่น ซึ่งจะยังคงมีให้เลือกทั้งรุ่นธรรมดาที่รองรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลล์ อี 20 และรุ่นซีเอ็นจี (CNG) ที่สามารถเลือกใช้งานได้ 2 ระบบ ทั้งซีเอ็นจี (CNG) และ น้ำมันแก๊สโซฮอลล์ อี 20
“ถึงแม้บริษัทฯจะมีการแนะนำแลนเซอร์รุ่นใหม่ในปลายปีนี้ แต่ในส่วนของแลนเซอร์ รุ่นปัจจุบัน เราก็ยังคงทำตลาดต่อไป ซึ่งผมเชื่อว่ารถรุ่นนี้จะยังคงได้รับการตอบรับจากลูกค้าเห็นได้จากตัวเลขยอดขายในปัจจุบันที่ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ทั้งนี้เพื่อสร้างความชัดเจนให้กับผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่น บริษัทฯ จึงได้ปรับตำแหน่งของแลนเซอร์รุ่นปัจจุบันให้แตกต่างจากรุ่นใหม่ รวมทั้งขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมทั้งลูกค้ารถยนต์นั่งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง โดยการปรับจำนวนรุ่นรถและกำหนดราคาใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้มิตซูบิชิ แลนเซอร์ เป็นรถที่ตอบได้ทุกโจทย์ของความคุ้มค่าคุ้มราคามากกว่าเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน เพราะสามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันเบนซินและซีเอ็นจี พร้อมสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยอย่างรถยนต์นั่งขนาดกลางในขณะที่ราคาอยู่ในระดับรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ซึ่งผมเชื่อการปรับตำแหน่งของแลนเซอร์ดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าหันมาพิจารณาแลนเซอร์มากยิ่งขึ้น และมีส่วนสำคัญในการสร้างยอดขายของรุ่นปัจจุบันต่อไป “ มร.มูราฮาชิ กล่าว
สำหรับแลนเซอร์รุ่นปัจจุบันมาพร้อมสมรรถนะ ครบครันด้วยรูปลักษณ์ภายนอก การตกแต่งภายใน ความหรูหรากว้างสบายพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก โดยขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ควบคุมระบบหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยไฟฟ้า ECI (Electronic Control Injection) ที่ถ่ายทอดกำลังด้วยระบบเกียร์อัจฉริยะ INVECS III CVT 6 สปีด ซึ่งให้การทำงานต่อเนื่อง นุ่มนวล ฉับไวในทุกรอบความเร็ว และเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ พร้อมระบบกันสะเทือนแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลงหน้า-หลัง พวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ช่วยให้ง่ายต่อการควบคุม ปลอดภัยครบครันด้วยระบบตัวถังนิรภัย RISE Body คุ้มครองตั้งแต่หน้าจรดหลัง พร้อมคานเหล็กนิรภัยในประตูลดการยุบตัวเมื่อเกิดการชนจากข้างรถ เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่มากขึ้นจากระบบดิสค์เบรกทั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบเบรก ABS และ EBD ที่สำคัญยังให้การประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพราะสามารถรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ อี 20 ในขณะที่รุ่น ซีเอ็นจี (CNG) มาพร้อม เทคโนโลยี Bi Fuel System ที่สามารถเลือกใช้เชื้อเพลิงได้ 2 ระบบทั้งก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจีและน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอลล์ อี 20 พร้อมการรับประกันเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ CNG ซึ่งติดตั้งตามมาตรฐานของบริษัทฯ และประกันคุณภาพสูงสุด 3 ปี หรือ 100,000 กม. โดยมี 4 สีให้เลือก คือ สีดำ สีเงิน สีบรอนซ์ทอง และ สีเทาดำ ใน 4 รุ่นดังนี้
1. มิตซูบิชิ แลนเซอร์ 1.6 GLX เกียร์ธรรมดา 592,000 บาท
2. มิตซูบิชิ แลนเซอร์ 1.6 GLX CVT เกียร์อัตโนมัติ 632,000 บาท
3. มิตซูบิชิ แลนเซอร์ 1.6 GLX ซีเอ็นจี เกียร์ธรรมดา 642,000 บาท
4. มิตซูบิชิ แลนเซอร์ 1.6 GLX CVT ซีเอ็นจี เกียร์อัตโนมัติ 682,000 บาท
มิตซูบิชิ แลนเซอร์......กับ 8 เจนเนอเรชั่น และกว่า 35 ปีในประเทศไทย
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้แนะนำ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ สู่ตลาดโลกจนถึงปัจจุบันรวม 8 เจนเนอเรชั่น โดยในเมืองไทยเริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2517 ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 35 ปีที่ผ่านมา มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นรถที่มาพร้อม สมรรถนะ ความปลอดภัย รวมถึงเทคโนโลยีครบครัน นับตั้งแต่ แลนเซอร์ รุ่นแรก ที่คนไทยรู้จักในชื่อรุ่นไฟท้ายตัว C ซึ่งเป็นรุ่นที่สร้างชื่อเสียงให้กับมิตซูบิชิเพราะสามารถคว้ารางวัลจากการแข่งแรลลี่ต่างๆทั่วโลก อาทิ Australia Southern Cross Rally และ Bandama Rally โดยต่อมามีการปรับโฉมมาเป็นไฟท้ายรูปตัว L และไฟท้ายแบบนอน ก่อนจะแนะนำ เจนเนอเรชั่นที่ 2 มิตซูบิชิ แลนเซอร์ EX หรือ ที่คนไทยรู้จักกันในชื่อรุ่น "กล่องไม้ขีด" ซึ่งเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในช่วง พ.ศ. 2523-2528 ในขณะที่เจนเนอเรชั่นที่ 3 แลนเซอร์ ฟิโอเร (LANCER FIORE) เป็นแลนเซอร์รุ่นแรกที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและนำเข้ามาประกอบเพื่อทำตลาดในเมืองไทย ภายใต้ชื่อ Lancer F ในช่วงปี 2526-2528 ก่อนที่จะเปิดตัวตระกูลแชมป์ซึ่งได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ใน พ.ศ. 2529 โดยมีทั้งรุ่น แชมป์ แชมป์-ทู(CHAMP-II) และรุ่นพิเศษ แชมป์ เลดี้ รวมถึงรุ่น NEW GENERATION POWER รุ่นพิเศษ แลนเซอร์ Black Knight นอกจากนี้ยังได้แนะนำ แลนเซอร์ แฮตช์แบ็ก หรือที่เรียกกันว่า "แชมป์ 3 ประตู" เพื่อเอาใจสาววัยทำงานยุคใหม่ ก่อนจะปรับโฉมทุกรุ่นและเรียกชื่อรุ่นใหม่ว่า CHAMP-III ทั้งนี้ในพ.ศ. 2531 มิตซูบิชิยังสามารถเปิดหน้าประวัติศาสตร์ด้านการส่งออกรถยนต์ของเมืองไทยด้วยการส่งออก "แลนเซอร์ แชมป์" จำนวน 420 คันแรก ไปยังประเทศแคนาดา พร้อมการแนะนำเจนเนอเรชั่นที่ 5 ในประเทศญี่ปุ่น ในเดือน มิถุนายน พ.ศ. 2531 โดยเป็นการเปลี่ยนมาใช้ตัวถัง ฟาสท์แบ็ค 5 ประตู ตามมาด้วย เจนเนอเรชั่นที่ 6 ในปี 2534 ซึ่งถือเป็นรุ่นที่นำชื่อของแลนเซอร์กลับมาสู่การแข่งขันแรลลี่โลกอีกครั้ง โดยเริ่มจำหน่ายในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2535 และมีการปรับโฉมต่อเนื่องทุกปี ซึ่งตลอดอายุที่ทำตลาดในเมืองไทย แลนเซอร์รุ่นนี้สามารถสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในฐานะรถยนต์นั่งมิตซูบิชิที่ขายดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยตัวเลขยอดขายสะสมรวมตั้งแต่พ.ศ. 2535-2539 มากถึง 73,286 คัน ในขณะที่แลนเซอร์ ในเจนเนอเรชั่นที่ 7 ถือเป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วโลกโดยเปิดตัวสู่ตลาดเมืองไทยใน พ.ศ. 2539 และมี วาเนสซา เมย์ (Vanessa Mae) ศิลปินนักไวโอลินชื่อดังเป็นพรีเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ยังมีการปรับโฉมพร้อมเพิ่มนวัตกรรมใหม่ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ INVECS-II SPORTRONICS ที่มีโหมด บวก-ลบ ให้ผู้ขับขี่เลือกเปลี่ยนเกียร์ได้เองเป็นครั้งแรกในรถยนต์ระดับเดียวกัน โดยสามารถทำตัวเลขยอดขายได้สูงเป็นประวัติการณ์ เพียง 4 เดือน ทำตัวเลขได้ถึง 12,801 คัน ในส่วนของรุ่นปัจจุบันอยู่ในเจนเนอเรชั่นที่ 8 เริ่มในปี 2543 กับแลนเซอร์ ซีเดีย ถือเป็นครั้งแรกที่มิตซูบิชินำเอาขุมพลังเทคโนโลยีฉีดเชื้อเพลิงตรงสู่ห้องเผาไหม้ GDI นำมาผนวกกับระบบส่งกำลังอัตราทดแปรผัน CVT วางลงในโครงสร้างตัวถังนิรภัย RISE BODY รองรับแรงกระแทกจากการชนทั้งด้านหน้าด้านข้างและด้านหลังได้เป็นอย่างดี โดยเปิดตัวในเมืองไทยในปี 2544 และมี จอน บอง โจวี
ร็อกสตาร์ ชื่อดัง เป็นพรีเซ็นเตอร์ภาพยนตร์โฆษณา จากนั้นในพ.ศ. 2545 ได้มีการปรับโฉมครั้งแรก และเพิ่มทางเลือกใหม่ในสไตล์สปอร์ตใน พ.ศ. 2546 ด้วยแลนเซอร์ 1.8 VIRAGE ตกแต่งด้วยสีแดงเพลิงรอบคัน หลังจากนั้นในต้นปี 2547 ทำการปรับโฉมครั้งใหญ่โดยเปลี่ยนชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้า-หลังใหม่ทั้งหมดมาเป็นแบบโค้งมน ด้วยกระจังหน้าทรงปิระมิด ก่อนจะมีการแนะนำรุ่นไมเนอร์เชนจ์และรุ่นพิเศษต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดได้แนะนำแลนเซอร์ ซีเอ็นจี (CNG) ติดตั้งระบบจ่ายเชื้อเพลิงสำหรับการใช้ก๊าซธรรมชาติอัด CNG (Compressed Natural Gas) สำหรับลูกค้าที่ต้องการรถยนต์นั่งที่ให้ทั้งความคุ้มค่าคุ้มราคาและการประหยัดที่เป็นเยี่ยม
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ....Sensational Intelligenceมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีแผนจะแนะนำ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 9 สู่ตลาดเมืองไทยในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยจะใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ (EX) โดยมาจากคำว่า “Exceeding” เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของรถที่ตอบสนองความต้องการได้เหนือกว่าทั้งในด้านอารมณ์ความรู้สึกและการใช้งาน ไม่ว่าจากรูปลักษณ์ภายนอกและการตกแต่งภายในที่ทันสมัย สมรรถนะในการขับขี่ ความสะดวกสบายของฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย รวมทั้งความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทฯมั่นใจว่ายนตรกรรมล่าสุดที่มาพร้อมเทคโนโลยีของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส จะเป็นรุ่นที่มาเติมเต็มความต้องการของลูกค้า รวมทั้งกระตุ้นตลาดรถยนต์ของเมืองไทยได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ มร.มูราฮาชิ กล่าวเสริมถึง มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ว่า “สำหรับประเทศไทย กลุ่มรถยนต์นั่งถือเป็นตลาดใหญ่รองลงมาจากตลาดรถกระบะและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯเองก็ได้ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาอันยาวนานในเมืองไทยนับตั้งแต่การเปิดตัวในปี พ.ศ. 2517 จนถึงปัจจุบันและการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่ได้สะท้อนให้เห็นถึงผลงานที่ยอดเยี่ยมของ แลนเซอร์ เมื่อรวมกับความเป็นรถคุณภาพของ “มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์” ยนตรกรรมล่าสุดของเรา ทำให้ผมยิ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทยรวมทั้งจะเป็นรุ่นที่มาสร้างสีสันให้กับตลาดมิตซูบิชิในเมืองไทยได้อย่างแน่นอน”
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ได้ที่เว็บไซต์
www.mitsubishi-motors.co.th
สำหรับลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์นั่งที่คุ้มค่า ให้ทั้งสมรรถนะ และการประหยัดที่เป็นเยี่ยม สามารถชมและทดลองขับ “ มิตซูบิชิ แลนเซอร์” ได้ที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 1800 900 009
สอบถามข้อมูลข่าวเพิ่มเติมติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด