กรุงเทพฯ--2 ก.ย.--ไอบีเอ็ม
ไอบีเอ็มตอกย้ำความเป็นผู้นำทางด้านเซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทย เปิดตัวโซลูชันหลากหลายและเทคโนโลยีใหม่บนเซิร์ฟเวอร์ ‘เพาเวอร์ ซิสเต็มส์’ พร้อมผนึกกำลังกับพันธมิตรทั่วประเทศ สนับสนุนลูกค้าแบบครบวงจร
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทยทั้งในด้านส่วนแบ่งตลาดและความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี เปิดตัวนวัตกรรมใหม่และโซลูชันหลากหลายที่ทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ ‘เพาเวอร์ ซิสเต็มส์’ (Power Systems) รวมทั้งแผนสนับสนุนลูกค้าเต็มรูปแบบผ่านทางความร่วมมือจากพันธมิตรทางธุรกิจและคู่ค้าทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ในการนำเทคโนโลยีอันทรงพลังของไอบีเอ็มมาตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ อีกทั้ง ช่วยองค์กรลดค่าใช้จ่าย เพิ่มผลผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน เสริมกำลังธุรกิจให้สามารถรับมือกับความท้าทายรอบด้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลังจากที่ไอบีเอ็มควบรวมเซิร์ฟเวอร์สองตระกูล คือ เซิร์ฟเวอร์ซิสเต็ม พี (System p - ซึ่งทำงานบนระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ และลีนุกซ์) และ ซิสเต็ม ไอ (System i - ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ ไอ โอเอส) เข้ามารวมกันเป็นเซิร์ฟเวอร์ ‘เพาเวอร์ ซิสเต็มส์’ ไปเมื่อปีที่แล้ว ไอบีเอ็มก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงโดยนอกจากจะสามารถครองอันดับหนึ่งส่วนแบ่งตลาดเซิร์ฟเวอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดในกลุ่มเพาเวอร์ ซิสเต็มส์ในประเทศไทยได้อย่างเหนียวแน่นแล้ว* ไอบีเอ็มยังได้รับความไว้วางใจจากผู้พัฒนาซอฟต์แวร์แอพพลิเคชัน (Independent Software Vendor — ISV) ชั้นนำในการเลือกที่จะพัฒนาแอพพลิเคชันกว่า 15,000 โซลูชันบนเทคโนโลยีของเพาเวอร์ ซิสเต็มส์** ซึ่งนั่นถือเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จและเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ได้ดีต่อการนำเซิร์ฟเวอร์ในกลุ่มเพาเวอร์ ซิสเต็มส์ ไปใช้เพื่อประโยชน์ในเชิงธุรกิจ
ด้วยความสำเร็จดังกล่าวนี้เอง ไอบีเอ็มจึงถือโอกาสเน้นย้ำถึงคุณสมบัติอันทรงพลัง 5 ประการ รวมทั้งเปิดตัวโซลูชันหลากหลายและเทคโนโลยีใหม่ ๆ บนเซิร์ฟเวอร์ เพาเวอร์ ซิสเต็มส์ พร้อมแผนสนับสนุนลูกค้าเต็มรูปแบบดังต่อไปนี้
1. สมรรถนะที่เหนือชั้น (Performance) ด้วยการทำงานผ่านหน่วยประมวลผล ‘เพาเวอร์ โปรเซสเซอร์’ สมรรถนะสูง ความเร็ว 5 กิ๊กกะเฮิร์ซ (Ghz) ที่ถือว่าเร็วที่สุดในโลกรวมทั้งได้รับการยอมรับด้านประสิทธิภาพการทำงานผ่านการทดสอบกว่า 70 เบนช์มาร์ค*** ซึ่งทำให้สมรรถนะของเซิร์ฟเวอร์เพาเวอร์ ซิสเต็มส์ นอกจากจะสามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจและลักษณะงานที่หลากหลายแล้ว ยังรองรับการต่อยอดไปสู่เทคโนโลยีที่ทรงพลังยิ่งขึ้นของหน่วยประมวลผลเพาเวอร์โปรเซสเซอร์รุ่นถัดไปในอนาคต รวมทั้งมีความคุ้มค่าสูงต่อการเป็นเจ้าของในระยะยาว (Total Cost of Ownership) และช่วยองค์กรลดค่าใข้จ่ายในหลาย ๆ ด้านได้อีกด้วย
2. ระบบที่มีความพร้อมใช้งานสูง (Availability) ปราศจากการหยุดชะงักเพื่อความราบรื่นของธุรกิจ ด้วยการทำงานผ่านเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับเพาเวอร์ ซิสเต็มส์ เช่น เพาเวอร์เอชเอ (Power High Availability — PowerHA) ที่ช่วยป้องกันและแก้ปัญหาดาวน์ไทม์ของระบบโดยไม่คาดฝัน หรือเทคโนโลยี ไลฟ์ พาร์ติชัน โมบิลิตี้ (Live Partition Mobility) เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของไอบีเอ็ม ที่สามารถโยกย้ายงานหรือแอพพลิเคชันจากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งในระหว่างที่เครื่องยังทำงานอยู่ ทั้งนี้ เพื่อช่วยป้องกันปัญหาดาวน์ไทม์และทำให้การทำงานของระบบราบรื่นปราศจากการหยุดชะงัก
3. ความสามารถในการขยายระบบต่อไปในอนาคต (Scalability) ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ และสมรรถนะอันทรงพลังของเซิร์ฟเวอร์เพาเวอร์ ซิสเต็มส์ เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถขยายระบบเพิ่มเติมต่อไปได้ในอนาคต เมื่อองค์กรมีความต้องการทางธุรกิจและปริมาณงานที่เพิ่มมากขึ้น โดยมีการลงทุนเพิ่มเติมน้อยที่สุด
4. ความสามารถในด้านการควบรวมเซิร์ฟเวอร์ (Consolidation) หลาย ๆ ตัวขององค์กร ที่แต่ละเครื่องอาจทำงานเฉพาะด้านให้สามารถถูกควบรวมเข้ามาทำงานในเซิร์ฟเวอร์เพาเวอร์ ซิสเต็มส์เพียงเครื่องเดียว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นอกจากจะทำให้องค์กรได้รับประโยชน์จากการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟ ค่าดูแลและจัดการระบบ ค่าใช้จ่ายในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ หรือแม้กระทั่งค่าพื้นที่ในการจัดเก็บและบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์หลาย ๆ ตัว เป็นต้น นอกจากนั้น ด้วยประสิทธิภาพของการควบรวมเซิร์ฟเวอร์ในเพาเวอร์ ซิสเต็มส์นี้เองยังทำให้องค์กรได้ผลลัพธ์ของงานที่มากกว่าแต่ใช้ทรัพยากรของระบบที่น้อยกว่าอีกด้วย
5. เทคโนโลยีที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ (Efficiency) ด้วยสมรรถนะอันทรงพลังของหน่วยประมวลผล เพาเวอร์ โปรเซสเซอร์ รวมทั้งเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น ซิสเต็มส์ ไดเร็กเตอร์ (Systems Director) หรือ เพาเวอร์วีเอ็ม (PowerVM) เทคโนโลยีเสมือนอันทรงพลังที่ช่วยบริหารจัดการงานในองค์กรที่อาจมีระบบงานทางด้านไอทีและแอพพลิเคชันที่หลากหลายแตกต่างกัน ให้สามารถบริหารจัดการผ่านศูนย์กลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสุดท้าย ก็จะช่วยให้การบริหารจัดการงานในด้านต่าง ๆ ทำได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นรวมทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าไฟ ได้อีกด้วย
นอกจากคุณสมบัติอันโดดเด่น 5 ประการของเพาเวอร์ ซิสเต็มส์ดังกล่าวแล้ว ไอบีเอ็มยังเปิดตัว ‘แคมเปญสุริยะคราส (Eclipse)’ เพื่อสนับสนุนลูกค้าทั้งเก่าและใหม่แบบครบวงจรดังต่อไปนี้
ข้อเสนอให้ลูกค้าย้ายการใช้งานจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์ยี่ห้ออื่นที่ใช้อยู่เดิมเป็นเซิร์ฟเวอร์เพาเวอร์ ซิสเต็มส์ของไอบีเอ็ม ด้วยเงื่อนไขและข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย
โซลูชันทางธุรกิจชั้นนำกว่า 15,000 แอพพลิเคชัน เพื่อช่วยรองรับความต้องการทางธุรกิจที่หลากหลาย** ไม่ว่าจะเป็นโซลูชันที่ใช้ในการบริหารทรัพยากรรวมขององค์กร (Enterprise Resource Planning — ERP) โซลูชันจัดการข้อมูล (Content Management) หรือโซลูชันเพื่อสนับสนุนองค์กรให้ทำงานสอดคล้องกับกฏข้อบังคับทางธุรกิจ (Industry Compliance) เป็นต้น
การอบรมฟรีทางด้านเทคโนโลยีเพาเวอร์ ซิสเต็มส์ของไอบีเอ็มสำหรับลูกค้าใหม่ที่ต้องการย้ายการใช้งานจากเซิร์ฟเวอร์เก่าที่ใช้อยู่เป็นเซิร์ฟเวอร์เพาเวอร์ ซิสเต็มส์ของไอบีเอ็ม
บริการฟรีทางด้านประเมินผลระบบและเสนอแนะ (Assessment) จากไอบีเอ็ม ในการย้ายแอพพลิเคชันและงานจากเซิร์ฟเวอร์เก่าที่ใช้อยู่มาเป็นเซิร์ฟเวอร์เพาเวอร์ ซิสเต็มส์ของไอบีเอ็ม ไม่ว่างานและแอพพลิเคชันที่ใช้อยู่จะทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ของไอบีเอ็มหรือไม่ก็ตาม
การสนับสนุนจากพันธมิตรและคู่ค้าชั้นนำของไอบีเอ็ม ที่เพียบพร้อมไปด้วยศักยภาพและความพร้อมในการสนับสนุนลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ในการนำเพาเวอร์ ซิสเต็มส์ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท คอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน จำกัด บริษัท ดาต้าโปร คอมพิวเตอร์ ซิสเต็มส์ จำกัด บริษัท เน็คเทค ซิสเท็ม เซอร์วิส จำกัด บริษัท บารา แอดวานซ์ อินโฟเทค จำกัด บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือบริษัท เอ็มเอฟอีซี จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจคอมพิวเตอร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ท่ามกลางสภาวะความผันผวนจากผลกระทบของเศรษฐกิจขาลงในปัจจุบัน ไอบีเอ็มเล็งเห็นว่าไอทีคือเครื่องมือที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จและฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ จากคุณประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยองค์กรลดค่าใช้จ่าย การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมหรือการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กร” นอกจากนั้น นายธนพงษ์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ไอบีเอ็มเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพและความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีของเรา ผนวกกับการสนับสนุนอย่างพร้อมเพรียงจากพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาแอพพลิเคชันสำหรับโซลูชันทางธุรกิจที่หลากหลายและคู่ค้าชั้นนำของไอบีเอ็มทั่วประเทศจะทำให้ลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ พิจารณาเลือกเซิร์ฟเวอร์เพาเวอร์ ซิสเต็มส์ของไอบีเอ็มเป็นอันดับแรกในการนำไปใช้งานเพื่อประโยชน์สูงสุดทางธุรกิจ”
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์ เพาเวอร์ ซิสเต็มส์ ติดต่อบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด โทรศัพท์ 1-800-299-222 (โทรฟรี) หรือเข้าไปที่ http://www.ibm.com/systems/power
หมายเหตุ:
* จากรายงานของไอดีซี เอเชีย แปซิฟิก เอ็นเตอร์ไพร์ส เซิร์ฟเวอร์ แทร๊กเกอร์ ไตรมาส 1 ปี 2552 (พฤษภาคม 2552) ซึ่งสรุปผลจากไตรมาสหนึ่ง ปี 2547 ถึงไตรมาสสี่ ปี 2551 โดยไอบีเอ็มครองอันดับหนึ่งส่วนแบ่งตลาดเซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทย 5 ปีซ้อน
** รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันกว่า 15,000 แอพพลิเคชันที่ทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ เพาเวอร์ ซิสเต็มส์ สามารถเข้าไปที่
http://www-03.ibm.com/systems/power/advantages
*** จากการทดสอบสมรรถนะกว่า 70 เบนช์มาร์ค รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปที่
http://www-03.ibm.com/systems/power/hardware/benchmarks/index.html
เผยแพร่โดยฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด
วีระกิจ โล่ทองเพชร โทรศัพท์ : 02 273 4117 อีเมล์: werakit@th.ibm.com