กรุงเทพฯ--2 ก.ย.--กรีนพีซ
กรีนพีซเปิดตัวภาพศิลปะบนนาข้าวอินทรีย์ เพื่อสะท้อนถึงความภูมิใจในข้าวไทย พร้อมย้ำเตือนรัฐบาลให้ร่วมปกป้องข้าวไทยอันเป็นสมบัติของชาติจากการดัดแปลงพันธุกรรม และภัยคุกคามอันร้ายแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ศิลปะบนนาข้าวอินทรีย์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 10 ไร่ แสดงภาพชาวนาสวมงอบกำลังเกี่ยวข้าว สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวนาไทย ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ภาพศิลปะดังกล่าวเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของชาวนาในจังหวัดราชบุรี สมาชิกกรีนพีซ อาสามัคร และนักกิจกรรมของกรีนพีซ ร่วมปลูกข้าว 2 สายพันธุ์ นั่นคือ พันธุ์ชัยนาท 1 ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวเจ้าชนิดไม่ไวแสง ลำต้นและกาบใบมีลักษณะสีเขียวเมื่อนำมาปักดำจะให้สีเขียวเป็นพื้นหลังของภาพ และพันธุ์ก่ำพะเยา ซึ่งให้สีดำ จนสามารถสร้างสรรค์เป็นภาพชาวนาและลวดลายต่างๆบนผืนนา
“ประเทศไทยเป็นประเทศผู้นำในการเพาะปลูกข้าว และยังเป็นอู่ข้าวของโลก หากชาวไทยทุกคนร่วมกันปกปักรักษาสายพันธุ์ข้าวดั้งเดิมของประเทศ กรีนพีซเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำด้านการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีเกษตรกรรมยั่งยืน วิธีที่ดีที่สุดก็คือการปกป้องข้าวไทยให้พ้นจากเทคโนโลยีที่เสี่ยงอย่างจีเอ็มโอ และมุ่งสู่การทำเกษตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่นอกจากจะให้ผลผลิตที่ดีแล้ว ยังไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสารเคมีที่เป็นอันตราย” นางสาวณัฐวิภา อิ้วสกุล ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านเกษตรกรรมยั่งยืน กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว
กรีนพีซเรียกร้องให้รัฐบาลต่อต้านพืชจีเอ็มโอ หรือพืชดัดแปลงพันธุกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวจีเอ็มโอ เนื่องจากจีเอ็มโอไม่เคยได้รับการพิสูจน์ใดๆว่ามีความปลอดภัยต่อการบริโภคของมนุษย์ ซ้ำร้ายยังทำลายวิถีชีวิตชาวนาไทย และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ นอกจากนี้จีเอ็มโอยังส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ กระตุ้นการปลูกพืชเชิงเดี่ยว และยังเป็นตัวการที่ทำให้ผลผลิตข้าว ที่แต่เดิมได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอยู่แล้วนั้นให้มีปริมาณลดลง (1)
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของโลก เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา กรีนพีซนำความภาคภูมิใจในข้าวไทยมาสู่คนไทยทั้งประเทศ เมื่อกินเนสส์เวิร์ลด์ เรคคอร์ด ได้ออกประกาศนียบัตรยกย่องให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลก พร้อมเรียกร้องให้ชาวไทยร่วมปกป้องข้าวไทยให้ปลอดจากการดัดแปลงพันธุกรรม
ในวันนี้ กรีนพีซได้เปิดตัวศิลปะบนนาข้าวอินทรีย์ ณ จังหวัดราชบุรี ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่บนที่ราบตอนกลางของประเทศ ที่ราบตอนกลางของไทยเป็นพื้นที่ที่มีการผลิตข้าวได้มากที่สุดในประเทศและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา องค์กรพัฒนาเอกชนหลากหลายองค์กรได้ร่วมจัดแถลงการณ์เปิดตัวโครงการรณรงค์ Tcktcktck ในเอเชียแปซิฟิก (2) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องให้มีการลงมือแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง ไดน่าห์ ฟูเอ็นเตสฟิน่า โฆษกโครงการรณรงค์ Tcktcktck กล่าวว่า “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผู้นำโลกในด้านการทำเกษตรกรรม แต่ในขณะเดียวกัน ยังเป็นภูมิภาคที่มีความเสี่ยงต่อผลกระทบจากวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด” กรีนพีซ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการรณรงค์ Tcktcktck ได้เรียกร้องให้ผู้นำโลกออกกฎบัตรและข้อตกลงที่เป็นธรรมด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กรุงโคเปนเฮเกนประเทศเดนมาร์กในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ทั้งนี้เพื่อปกป้องความมั่นคงของอนาคตภูมิภาค
ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (An Asian Development Bank หรือ ADB) ได้เปิดเผยการศึกษาในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา (3) ว่า หากยังขาดการลงมือปฏิบัติในระดับโลก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกข้าว อย่างเช่น ในประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ประเทศไทยและเวียดนาม โดยอาจจะส่งผลกระทบให้ผลผลิตข้าวที่ได้ลดลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ภายในปี พ.ศ. 2643 เมื่อเทียบกับปริมาณที่ผลิตได้ในปี 2533
“70 เปอร์เซ็นต์ของผู้ประสบปัญหาความยากจนในโลกนี้ พบในพื้นที่เกษตรกรรม ที่ซึ่งเกษตรกรพึ่งพาฝนตามฤดูกาลในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว หากพื้นที่เพาะปลูกได้รับฝนมากหรือน้อยเกินไปก็จะทำให้ผลผลิตเหล่านั้นเสียหายได้ โลกควรระลึกเสมอว่าเกษตรกรรมเป็นภาคที่มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้นรัฐบาลจึงควรสนับสนุนและวางกลยุทธ์โดยใช้วิธีการทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืน” ฟูเอ็นเตสฟิน่า กล่าวเสริม
“ภาพศิลปะบนนาข้าวนี้เป็นสัญลักษณ์กระตุ้นและย้ำเตือนรัฐบาลว่าข้าวไทยกำลังถูกคุกคามและควรได้รับการปกป้องอย่างเร่งด่วน หยาดเหงื่อและความร่วมมือของชุมชน เกษตรกร และอาสาสมัครกรีนพีซ ที่ร่วมสร้างสรรค์ศิลปะบนนาข้าวอินทรีย์นี้ แสดงให้เห็นทางออกเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร นั่นคือ การทำเกษตรกรรมอินทรีย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ นอกจากนี้ยังเป็นทางออกของการแก้ปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อันจะนำมาซึ่งการปกป้องอนาคตของคนรุ่นหลังต่อไป” ณัฐวิภา กล่าวเสริม
กรีนพีซ ทำงานรณรงค์ด้วยหลักการเผชิญหน้าอย่างสันติวิธี นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทัศนคติ และพฤติกรรม เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และสันติภาพ กรีนพีซรณรงค์เพื่อต่อต้านพืชจีเอ็มโอรวมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของพืชจีเอ็มโอทั้งหมด ซึ่งเป็นกลไกสำคัญบนหลักการของความยั่งยืน ทั้งนี้เพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ และให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าและปลอดภัย การดัดแปลงพันธุกรรมเป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัยและไม่เป็นที่ต้องการของสังคมโลกอีกทั้งยังทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ และสร้างความเสี่ยงให้กับผู้บริโภค
หมายเหตุ
1 รายงาน Climate Change and Food security ศึกษาได้ที่ http://www.greenpeace.org/international/press/reports/food-security-and-climate-change
2 โครงการรณรงค์ Tcktcktck เป็นการรวมตัวขององค์กรภาคเอกชนที่ไม่แสวงหาผลกำไรด้านต่างๆ เช่น ศาสนา สหภาพแรงงาน และบุคคลต่างๆ ที่เห็นตรงกันว่าช่วงเวลานี้จำต้องมีการเรียกร้องให้รัฐบาลบรรลุข้อตกลงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อปกป้องโลกจากผลกระทบที่ทำลายความเป็นอยู่และชีวิตมนุษย์ ในขณะที่ผู้นำชาติต่างๆ เตรียมตัวเจรจาเรื่องนี้ที่โคเปนเฮเกนในเดือนธันวาคม ทีมงาน Tcktcktck จะเป็นกระบอกเสียงให้ผู้คนที่ได้รับผลกระทบเพื่อว่าข้อตกลงนานาชาติชิ้นใหม่นี้จะเห็นผลชัดเจน เป็นธรรมและมีเป้าหมายที่สะท้อนความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์ www.tcktcktck.org
3 เศรษฐศาสตร์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: ภาพรวมของภูมิภาค โดย ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย, 2009
http://www.adb.org/documents/books/economics-climate-change-sea/default.asp
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
ณัฐวิภา อิ้วสกุล ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านเกษตรกรรมยั่งยืน โทร. 085 843 7300
วิริยา กิ่งวัชระพงศ์ ผู้ประสานงานสื่อมวลชน โทร. 089 487 0678
http://www.greenpeace.org/seasia/th/campaigns/gmos/rice-art