กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--ก.ไอซีที
ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนา เรื่อง “การบูรณาการตรวจสอบและดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและผิดกฎหมาย” ว่า ปัจจุบันการใช้อินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีผลกระทบต่อประเทศ ระบบเศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม วัฒนธรรมและการดำรงชีวิตของบุคคลตั้งแต่ระดับครอบครัวจนถึงระดับสังคม ซึ่งเมื่อพิจารณาผลกระทบเชิงลบของการใช้อินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์นั้น สามารถกระทำได้โดยง่าย อาทิ การใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือหลักในการกระทำความผิดในลักษณะฉ้อโกง หลอกลวงให้เสียทรัพย์ การประกาศข้อความอันเป็นเท็จเกินจริงเพื่อการโฆษณาขายสินค้าและสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ โดยเฉพาะสื่อลามกอนาจารที่ส่งผลกระทบต่อเยาวชนและศีลธรรมอันดีของประเทศ หรือการละเมิดสิทธิของประชาชน เช่น การโพสต์ข้อความ รูปภาพ วีดิโอ ที่มีเนื้อหาหมิ่นประมาท หรือใส่ร้ายป้ายสี ทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาได้รับความเสียหาย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถแพร่กระจายทั่วโลกได้อย่างง่ายดายรวดเร็ว เช่น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการนำคลิปเสียงนายก
รัฐมนตรีที่ได้มีการตัดต่อไปเผยแพร่ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการปลุกระดมและเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
“จากปัญหาที่เกิดดังกล่าว กระทรวงไอซีทีได้มีการดำเนินโครงการด้านนโยบายความมั่นคงของรัฐที่ใช้ชื่อว่า โครงการศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังภัยคุกคามการกระทำความผิดด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย รวมทั้งทำหน้าที่รองรับนโยบายด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ โดยศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังภัยคุมคามด้านเทคโนโลยีสารสนเทศนี้ มีการบริหารจัดการและดูแลการปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงมีการจัดทำโครงการศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยอินเทอร์เน็ต (Internet Security Operation Center : ISOC) เพื่อกำหนดกรอบนโยบาย แนวทางการดำเนินการ และมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมายและไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีการบูรณาการอย่างเป็นเอกภาพ ตลอดจนเป็นศูนย์กลางประสานความร่วมมือในการป้องกัน ปราบปราม และรับแจ้งเหตุการณ์การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่เหมาะสม ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทั้งภายในและภายนอกประเทศ เพื่อปกป้องเด็กเยาวชนและประชาชนในการเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมอันเป็นอันตรายต่อความคิดและพฤติกรรมของการบริโภคสื่ออินเทอร์เน็ตในสังคมไทย โดยในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ กระทรวงฯ จะได้มีการประชาสัมพันธ์รณรงค์การมีส่วนร่วมของประชาชนชาวไทยในการแจ้งเบาะแสเว็บไซต์ที่ไม่ดีต่างๆ ภายใต้โครงการ ร่วมพลังคนไทยแจ้งภัยร้ายทางอินเทอร์เน็ต ผ่านสายด่วน 1212”
นอกจากการดำเนินโครงการต่างๆ แล้ว กระทรวงไอซีทียังเล็งเห็นความสำคัญของกระบวนการสร้างความเข้าใจ และการสร้างความร่วมมือในการกำหนดแนวมาตรการต่างๆ ที่ใช้ตรวจสอบและดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ไม่เหมาะสมและผิดกฎหมาย โดยการบูรณาการแนวทางการดำเนินงานของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ประกอบการการให้บริการอินเทอร์เน็ตและผู้ให้บริการอินเทอร์เกตเวย์ประมาณ 100 บริษัท สมาคมอินเทอร์เน็ตไทย สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ได้ร่วมมือกันปฏิบัติงานในคณะทำงานบูรณาการตรวจสอบและดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและผิดกฎหมาย ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และมีพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นประธานคณะทำงานฯ เพื่อร่วมมือกันผลักดัน และขับเคลื่อนการดูแลสังคมโลกออนไลน์
และเพื่อให้การดำเนินงานดังกล่าวประสบผลสำเร็จ กระทรวงฯ จึงได้จัดการสัมมนา เรื่อง“การบูรณาการตรวจสอบและดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและผิดกฎหมาย” เพื่อให้ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจำนวน 180 คนได้เข้าร่วม การสัมมนาฯ เพื่อสร้างความเข้าใจในนโยบายการดำเนินการการบูรณาการตรวจสอบและดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและผิดกฎหมาย รวมทั้งเพื่อระดมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ตลอดจนเพื่อร่วมมือกำหนดนโยบายการปฏิบัติในการประสานงานการบังคับใช้กฎเกณฑ์ ข้อบังคับและกฎหมายในการปิดกั้นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและผิดกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคมไทยของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ร่วมกันอีกด้วย
“กระทรวงฯ หวังว่าการสัมมนาครั้งนี้จะทำให้สามารถหาแนวทางการสร้างความเข้าใจ และการสร้างความร่วมมือในการกำหนดแนวมาตรการต่าง ๆ เพื่อใช้สำหรับการตรวจสอบและดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและผิดกฎหมายเหล่านั้น ตามนโยบายรัฐบาลและเจตนารมณ์ของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อประโยชน์ของสังคมและประเทศชาติโดยรวม” ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ กล่าว