กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--ตลท.
สายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร รายงาน SET Note Corporate Update เสนอข้อมูลด้านประสิทธิภาพการดำเนินงาน การลงทุน และการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในไตรมาส 2/2552 จำนวน 379 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงิน และบริษัทที่เข้าข่ายเพิกถอนกิจการ (Non-Performing Group) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์) พบว่ามีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2552 ร้อยละ 78 อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 7.2 ขณะที่อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity: ROE) และ อัตราผลตอบแทนต่อทุนที่ใช้ไป (Return on Capital Employed: ROCE) ปรับตัวขึ้นเป็นร้อยละ 3.84 และร้อยละ 3.8 ตามลำดับ
SET Note Corporate Update ฉบับที่ 3/2552 รายงานประสิทธิภาพการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในงวดไตรมาส 2/2552 จำนวน 379 บริษัท พบว่า มีกำไรสุทธิรวม 101,353 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2552 ร้อยละ 78 โดยมีบริษัทจดทะเบียน 283 บริษัท หรือร้อยละ 75 ที่มีผลกำไรจากการดำเนินงาน โดยการควบคุมต้นทุนการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้เริ่มส่งผลบวกให้ Net Profit Margin ปรับสูงขึ้นจากร้อยละ 4.6 ในไตรมาส 1/2552 และร้อยละ 6.6 ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นร้อยละ 7.2 และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2552 และไตรมาส 4/2551 จะพบว่าเครื่องชี้ด้านประสิทธิภาพการดำเนินงานและความสามารถในการชำระหนี้มีการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
ด้านประสิทธิภาพการดำเนินงาน ROE ปรับตัวสูงขึ้นจากร้อยละ 2.15 ในไตรมาส 1/2552 เป็นร้อยละ 3.84 และ ROCE ปรับตัวสูงขึ้นจากร้อยละ 2.6 ในไตรมาส 1/2552 เป็นร้อยละ 3.8 อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทั้ง ROE และ ROCE ลดลงจากร้อยละ 4.59 และร้อยละ 4.9 ตามลำดับ
เมื่อพิจารณาโครงสร้างเงินทุน พบว่า อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt/Equity Ratio) พบว่าทรงตัวที่ระดับ 1.16 เท่า เมื่อเทียบกับ 1.14 เท่าในไตรมาส 1/2552 และ 1.07 เท่าในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นระดับที่ไม่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์สูง เมื่อเทียบกับช่วงเศรษฐกิจปกติ (ปี 2547—2551) ซึ่งพบว่ามีระดับหนี้สินต่อทุนสูงสุดที่ 1.28 เท่า ในไตรมาส 3/2547 และระดับต่ำสุดที่ 1.02 เท่าในไตรมาส 1/2551 นอกจากนี้ กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับสูงขึ้นและผลของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับลดลง ได้ส่งผลบวกต่อความสามารถในการจ่ายชำระดอกเบี้ย (Interest Coverage Ratio) ให้เพิ่มสูงขึ้นจาก 4.68 เท่าในไตรมาส 1/2552 เป็น 8.15 เท่าในไตรมาส 2/2552 และใกล้เคียงกับระดับ 9.65 เท่าในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ภาพรวมด้านการลงทุน พบว่ามีบริษัทจดทะเบียนที่มีการลงทุนเพิ่มเติมในสินทรัพย์ถาวร 334 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 91 ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด ใกล้เคียงกับร้อยละ 88 ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยกระจายตัวในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม และมีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 94,031 ล้านบาท ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรสูงสุด ได้แก่กลุ่มทรัพยากร 52,121 ล้านบาท รองลงมาคือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง 14,034 ล้านบาท
ภาพรวมด้านการระดมทุน ในไตรมาส 2/2552 มีมูลค่าระดมทุนรวม 2,116 ล้านบาท โดยเป็นการระดมทุนในตลาดแรก 198 ล้านบาท จากการเข้าจดทะเบียน 2 บริษัท คือ บริษัท ควอลิเทค จำกัด (มหาชน) (QLT) และ บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART) และการระดมทุนในตลาดรอง 1,918 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนใน SET ร้อยละ 91 และ mai ร้อยละ 9 ของมูลค่าระดมทุนรวมในตลาดรอง
ผู้สนใจติดตามได้เพิ่มเติมที่ http://www.set.or.th/setresearch/setresearch.html หรือสอบถามข้อมูลที่ S-E-T Call Center โทร. 0 2229 2222
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. S-E-T Call Center 0-2229-2222
สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036 / กนกวรรณ เข็มมาลัย
โทร. 0-2229 — 2048 วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797