ฟิทช์ให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นแก่ตั๋วแลกเงินของบริษัท แคนาดอล เอเชีย ที่ระดับ F3(tha)

ข่าวทั่วไป Tuesday April 19, 2005 15:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะสั้นที่ระดับ F3(tha) แก่ตั๋วแลกเงินอายุไม่เกิน 270 วัน มูลค่าโครงการไม่เกิน 1,000 ล้านบาทของบริษัท แคนาดอล เอเชีย จำกัด (CASIA) อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในภูมิภาคเอเชีย ในธุรกิจการผลิตข้อต่อท่อโลหะขนาดใหญ่ที่ต้องการความปลอดภัย และความทนทานต่อสภาวะที่มีแรงดันและการกัดกร่อนสูง อันเป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจอันยาวนานและความสัมพันธ์ที่ดีต่อฐานลูกค้าทั่วโลกของบริษัทแม่ (Canadoil Group) ความได้เปรียบในด้านต้นทุนการผลิตและคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่สูงของบริษัท อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่บริษัทอยู่ในช่วงเริ่มต้นการดำเนินงานในประเทศไทย ความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจพลังงาน สัดส่วนหนี้สินของบริษัทที่ค่อนข้างสูง และลักษณะการดำเนินธุรกิจแบบกิจการครอบครัวของบริษัท
แม้ว่า CASIA จะเพิ่งเริ่มดำเนินการผลิตในปี 2545 แต่ชื่อของบริษัทก็เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางและปรากฎอยู่บนรายชื่อผู้ผลิตข้อต่อท่อโลหะขนาดใหญ่ของผู้ใช้รายใหญ่ในเอเชียทั้งหมด เนื่องจากชื่อเสียงที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลกของบริษัทแม่ และคุณภาพผลิตภัณฑ์และการควบคุมการผลิตที่ดีของบริษัทซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานต่างๆทั่วโลก ซึ่งทำให้รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตอย่างมากและมีแนวโน้มที่ยังคงสดใสอยู่ นอกจากนี้การที่บริษัทจัดตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยซึ่งอยู่ใกล้กับผู้ใช้ในเอเชีย ความได้เปรียบในด้านต้นทุนการผลิตเนื่องจากต้นทุนค่าแรงที่ถูกกว่า และการได้รับการยกเว้นภาษีจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทย ช่วยเสริมความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับบริษัท เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทส่วนใหญ่ถูกขายให้กับโครงการต่างๆซึ่งโดยทั่วไปต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณลักษณะเฉพาะกับโครงการนั้นๆและต้องใช้ระยะเวลาในการผลิต โดยบริษัทจะทำสัญญาซื้อขายและกำหนดราคาขายไว้ล่วงหน้าก่อนดำเนินการผลิต บริษัทจึงสามารถส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้ซื้อได้ซึ่งทำให้บริษัทสามารถจำกัดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาเหล็ก นอกจากนี้แนวโน้มการเติบโตที่ดีของธุรกิจพลังงานในระยะยาวยังช่วยสนับสนุนความต้องการผลิตภัณฑ์ท่อโลหะและข้อต่อท่อโลหะขนาดใหญ่อีกด้วย
อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงลักษณะที่เป็นวัฎจักรของธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจพลังงาน เนื่องจากอุปสงค์ของอุปกรณ์ข้อต่อท่อโลหะจะขึ้นอยู่กับการขึ้นโครงการใหม่ๆในธุรกิจเหล่านี้เป็นหลัก นอกจากนี้ยังพิจารณารวมถึงสัดส่วนหนี้สินและหนี้สินระยะสั้นของบริษัทที่ค่อนข้างสูง แม้ว่าการขยายกำลังการผลิตของบริษัทจะสอดคล้องกับอุปสงค์ที่เพิ่มมากขึ้น แต่การขยายกำลังการผลิตก็ทำให้สัดส่วนหนี้สินของบริษัทยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างสูงอยู่ในช่วงสองปีข้างหน้า นอกจากนี้หนี้สินระยะสั้นของบริษัทที่สูง ณ ปัจจุบัน ซึ่งถ้ายังคงสูงอยู่ต่อเนื่องไป อาจทำให้บริษัทประสบกับปัญหาสภาพคล่องได้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์กับบริษัทในเครือซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงบางประการ โดยมีความเป็นไปได้ที่ CASIA อาจให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติมแก่บริษัทในเครือเมื่อบริษัทเหล่านั้นต้องการซึ่งอาจมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัท นอกจากนี้การที่ CASIA เป็นบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งมีการรายงานผลประกอบการที่ค่อนข้างจำกัดและมาตรฐานทางบัญชีที่กำหนดให้ใช้ค่อนข้างไม่เข้มงวดมากนัก ทำให้มีความยากมากขึ้นในการติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ
เนื่องจาก CASIA อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการดำเนินธุรกิจ ประกอบกับมีการขยายกำลังการผลิตอย่างมาก ทำให้หนี้สินรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 45 ล้านบาทในปี 2543 เป็น 1,056 ล้านบาทในปี 2547 โดยที่ 64% ของยอดหนี้สินรวมดังกล่าวเป็นหนี้สินระยะสั้น ณ สิ้นปี 2547 CASIA มีเงินสดปลอดภาระค้ำประกันอยู่ 3.8 ล้านบาท และมีวงเงินสินเชื่อเพื่อการค้า (Undrawn Trade Facilities) อยู่ 17 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 663 ล้านบาทซึ่งน่าจะช่วยลดความเสี่ยงในการจัดหาเงินกู้ใหม่เพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นเดิม (Refinancing Risk) ของบริษัทได้ในระดับหนึ่ง ในขณะที่ CASIA ไม่มีกำหนดการชำระคืนเงินต้นของเงินกู้ระยะยาวจนกว่าปี 2550 แม้ว่าสัดส่วนหนี้สินของบริษัทจะลดลง แต่ยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงอยู่ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (Net Debt to EBITDA) เท่ากับ 5.9 เท่า ณ สิ้นปี 2547 (เทียบกับ 6.5 เท่าในปี 2546) หนี้สินของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านบาทโดยประมาณ ณ สิ้นปีนี้ เนื่องจากแผนการลงทุนที่วางเอาไว้ อย่างไรก็ตามกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้อัตราส่วน Net Debt to EBITDA ของบริษัทน่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยในปีนี้และลดลงต่อเนื่องในปีหน้า
CASIA ได้ถูกก่อตั้งในปี 2542 เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตข้อต่อท่อโลหะแบบเชื่อมต่อขนาดใหญ่ที่ต้องการความปลอดภัย และความทนทานต่อสภาวะที่มีแรงดันและการกัดกร่อนสูง โดยใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมไฟฟ้า และอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ต้องการข้อต่อท่อโลหะที่มีคุณภาพสูงเป็นหลัก CASIA เป็นบริษัทในเครือของ Canadoil Group ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจัดหาผลิตภัณฑ์ท่อโลหะและข้อต่อท่อโลหะรายใหญ่ของโลก ที่มีเครือข่ายการขายครอบคลุมทั่วโลก CASIA เป็นฐานการผลิตและศูนย์กลางกระจายสินค้าให้กับ Canadoil Group โดยเน้นความรับผิดชอบในพื้นที่ในแถบเอเชียเป็นหลัก CASIA เป็นบริษัทที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยตระกูล Sozzi ผ่านบริษัท Canadoil Forge AG ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งสำหรับการลงทุนของตระกูล Sozzi
ติดต่อ:
เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล +662 655 4760
วสันต์ ผลเจริญ +662 655 4763
Vincent Milton +662 655 4759
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ