กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
เสียงปรบมือดังสนั่นจากผู้ชมที่ร่วมชมการแสดงละครเวทีสะท้อนสังคมในยุคปัจจุบัน แฝงไว้ด้วยแง่คิด กับ “เปลื้อง” โดย คณะละครมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (Bangkok University Theatre Company) หลังจากที่ เพชร โอสถานุเคราะห์ ผู้อำนวยการสร้างบริหาร (Executive Producer) ละครเวที “เปลื้อง” ได้เปิดการแสดงรอบปฐมทัศน์ ณ โรงละคร เอ็ม เธียเตอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ในค่ำคืนที่ผ่านมา เรียกเสียงหัวเราะเคล้าน้ำตา จากผู้ชมในแวดวงบันเทิง อาทิ อรนภา กฤษฎี, ซอนย่า วัชรสินธุ์, สราวุธ มาตรทอง และ ธนกฤต พานิชวิทย์ เป็นต้น ด้วยเรื่องราวสุดเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นลีลาการแสดง หรือบทละครที่นำเหตุการณ์บ้านเมือง มาล้อเลียน ผ่านเรื่องราวสุดอลวนของชาย 6 คน ที่ธรรมดา ไม่หล่อ ไม่รวย สังคมมองข้าม โดยพวกเขาได้รวมพลสร้างวีรกรรมกู้ศักดิ์ศรีความเป็นคน เขียนบทและกำกับการแสดงโดย พรรณศักดิ์ สุขี ที่ให้คุณได้พิสูจน์ความเป็นคน ผ่านการแสดงของนักศึกษาทั้งอดีตและปัจจุบันกว่า 60 ชีวิต นำโดย เอิ๊ก-ศศิศศร สุทธิเกษม นักแสดงจากละครน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นบัณฑิต ปริญญาโทภาควิชา การโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดยการแสดงจะมีถึงวันที่ 13 กันยายนศกนี้
เพชร โอสถานุเคราะห์ ผู้อำนวยการสร้างบริหาร (Executive Producer) ละครเวที “เปลื้อง” เปิดเผยว่า “ผลงานที่ผ่านมาของ คณะละครมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (Bangkok University Theatre Company) เป็นภาพรวมของการสร้างสรรค์ศิลปะการแสดงที่มีคุณภาพสูง ระดับมืออาชีพ ซึ่งทำหน้าที่สำคัญสองด้าน คือ การพัฒนาสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ด้านศิลปะการแสดง สะท้อนพัฒนาการของสังคม และศิลปะแขนงต่างๆ และการผลิตบุคลากรคุณภาพสูงด้านศิลปะการแสดงสู่วงการบันเทิง ซึ่งไม่ใช่การผลิตผลงาน เชิงพาณิชย์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีศิลปะความบันเทิงสอดคล้องกลมกลืน โดยเฉพาะละครเวที เรื่อง “เปลื้อง” เป็นละครเวทีที่มีความบันเทิงสร้างสรรค์ เป็นละครที่มีกึ๋น ในเรื่องจะสะท้อนปรัชญาให้ เห็นว่า ในความจริงแล้วตัวคุณมีคุณค่าหรือเปล่า แล้วคุณได้ปลดเปลื้องแล้วหรือยัง โดย “เปลื้อง” น่าจะเรียกเสียงฮาจากคนเมือง ในภาวะกระแสเศรษฐกิจและการเมืองที่เครียดเช่นนี้ได้”
“เปลื้อง” เขียนบทและกำกับการแสดงโดย พรรณศักดิ์ สุขี ผู้ฝากฝีไม้ลายมือเป็นที่ประจักษ์มาแล้วหลายต่อหลายเรื่องเช่น เยิรพระยม (Dear Death), การแสดงนาฏกรรมระบำนิพพาน (Dancing to Nirvana), มหานาฏกรรมเฉลิมพระเกียรติพระมหาชนก, โตขึ้นผมจะขี่รุ้ง (I Shall Ride the Rainbow When I Grow Up) หรือ คาบาเรต์ (Cabaret) เผยถึงจุดเริ่มต้นของการแสดงละครเวทีเรื่องเปลื้องนี้ว่า “มาจากความประทับใจในตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง “The Full Monty” ที่เป็นเรื่องราวของผู้ใช้แรงงานลุกขึ้นมาเปลื้องผ้า จึงนำมาเป็นแนวคิด แล้วหากเป็นในสังคมไทย จะเป็นคนประเภทไหน และมีเหตุผลอะไร ที่จะลุกขึ้นมากระทำการเปลื้องเช่นนี้ ซึ่งก็คือตัวละครทั้ง 6 ตัวที่สังคมคิดว่าไม่มีตัวตน ไม่ว่าจะเป็นคนขับแท็กซี่ คนขี่วินมอเตอร์ไซต์ หรือนักธุรกิจที่ล้มละลาย เป็นต้น โดยได้นำเนื้อหาเรื่องราวที่เข้าถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น เสื้อเหลือง แดง น้ำเงิน ชายแดนภาคใต้ หมีแพนด้าฟีเวอร์ หรือคนแดนไกล มาสะท้อนสังคม โดยละครเรื่องนี้จะเป็นศิลปะที่ช่วยจรรโลงจิตใจผู้ชม เมื่อผู้ชมดูและมีจิตใจที่ดี ก็จะช่วยจรรโลงให้สังคมดีขึ้นด้วยเช่นกัน แม้ว่าละครเรื่องนี้จะมีเรื่องราวที่ตลกขบขัน แต่ก็ยังแฝงไว้ด้วยข้อคิด จิตวิทยาเข้ามาเกี่ยวด้วย เพราะเขาว่ากันว่าคนเรานั้นจะหัวเราะ เมื่อเห็นข้อผิดพลาดของคนอื่น ซึ่งจริงๆ แล้วข้อผิดพลาดนั้นตัวเราเองก็มี เพียงแต่แอบซ่อนเอาไว้ด้วยเปลือกที่สร้างขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่ได้มาชมจะได้คิดและนึกถึงละครเวทีเรื่องนี้ เมื่อทุกครั้งที่คุณถอดเสื้อ จริงๆ แล้วตัวตนของเราจริงๆ นั้นเป็นอย่างไร และละครเวทีเรื่องนี้จะเป็นบทพิสูจน์ คณะละครมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (Bangkok University Theatre Company) สามารถทำละครที่หลากหลาย หลายแนว แต่เป็นละครที่มีสาระ และให้แง่คิดอีกด้วย”
ด้าน วรรณ์ขวัญ พลจันทร์ ผู้อำนวยการผลิต และยังเป็นหนึ่งในนักแสดงละครเวทีเรื่อง “เปลื้อง” เผยว่า “อาชีพนักแสดง หรือการแสดง เป็นอาชีพที่ไม่มีตัวตน เพราะคนไทยยังมองว่าอาชีพนี้คืออาชีพปั้นน้ำเป็นตัว การแสดงคือการเสแสร้ง ซึ่งไม่มีใครมองว่านี่คือศิลปะ แต่ละครเวทีเรื่องเปลื้องสำหรับพวกเราคิดว่านี่คือศิลปะที่พัฒนาจิตใจมนุษย์ ในเวลาที่มนุษย์กำลังมีจิตใจที่อ่อนแอ สิ่งนี้คือคุณค่าสูงสุดของละคร ซึ่งละครเรื่องนี้จุดเด่นอยู่ที่ตัวละครซึ่งเป็นคนตัวน้อยๆ ที่ไม่เคยมีคนให้ความสนใจ ที่เห็นได้ทุกวัน คือมนุษย์จริงๆ ซึ่งในความจริงมนุษย์ไม่ได้มีความสวยหรูแต่ประการใด แต่พยายามสร้างเปลือกเพื่อบอกว่าตัวเองเก่ง รวย ฉลาด แต่เมื่อตาย จริงๆ แล้วมันไม่ได้เหลืออะไรเลย”
ละครเวทีสะท้อนสังคม แฝงไว้ด้วยแง่คิด กับ “เปลื้อง” ยังจัดแสดงต่อถึงวันที่ 13 กันยายนศกนี้ เวลา 19.30 น. วันเสาร์และอาทิตย์เพิ่มรอบ 14.00 น. ณ เอ็ม เธียเตอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ (ใกล้อาคารชาญอิสสระII) บัตรราคา 500, 800 และ 1,000 บาท ซื้อบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ 0-2262-3456 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร.0-2434-8300 สุจินดา, แสงนภา, ภัควลัญชญ์