กรุงเทพฯ--7 ก.ย.--สำนักงานคณะกรรมการเพื่อผู้ลี้ภัยและผู้อพยพ
น. ส. ไดอาน่า จงจินตนาการ ฑูตผู้ลี้ภัยคนแรกแห่งประเทศไทยและนายวีรวิชญ์ เธียรชัยนันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการเพื่อผู้ลี้ภัยและผู้อพยพแห่งสหรัฐอเมริกา (ยูเอสซีอาร์ไอ) ประจำประเทศไทย ได้เข้าพบและหารือนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ถึงมาตรการการช่วยเหลือทางด้านการศึกษาแก่เด็กผู้ลี้ภัย นายชัยวุฒิกล่าวว่า รัฐบาลไทยได้ให้ความอนุเคราะห์ และปฏิบัติตามมติ คณะรัฐมนตรี ในการปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมมาโดยตลอด แต่เป็นไปได้ที่ยังมีเด็กอีกจำนวนหนึ่งที่ติดตามพ่อแม่ ซึ่งเป็นคนต่างด้าว ไม่มีสัญชาติ โดยย้ายถิ่นฐานไปทั่ว และบางส่วนก็คือเด็กผู้ลี้ภัยที่อยู่ในสถานที่พักพิงชั่วคราวใน 9 ศูนย์ผู้ลี้ภัยทั่วประเทศ
ในขณะนี้ทาง ศธ.เองกำลังดำเนินการให้เด็กส่วนหนึ่งในศูนย์เรียนรู้ภายในค่ายผู้ลี้ภัยที่ตั้งโดยองค์กรเอกชนให้เข้าสู่มาสู่ระบบรวมทั้งเด็กในศูนย์พักพิงด้วยนอกจากนี้ยังมีเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่สามารถจัดให้เข้าสู่ระบบใดๆ เพราะมีการย้ายถิ่นฐานตามพ่อแม่เยอะมาก ทางศธ.จึงมอบให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เข้าไปดูแลส่วนนี้ โดยศูนย์การเรียนรู้ใดที่สามารถยกระดับเป็นศูนย์การเรียนเอกชนได้ก็จะยกระดับขึ้นไป
การเข้าพบรมช. ศธ. ชัยวุฒิ ครั้งก่อน นายวีรวิชญ์ ผู้อำนวยการยูเอสซีอาร์ไอประจำประเทศไทย ได้มอบแบบร่างโครงการที่เกี่ยวกับการศึกษาของเด็กผู้ลี้ภัย เสนอเป็นแนวทางในการแก้ไขให้กับทางศธ. ทั้งการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาเด็กผู้ลี้ภัยในค่ายเพื่อเตรียมความพร้อมให้เด็กผู้ลี้ภัยสามารถออกมาศึกษาต่อกับสถานศึกษาของไทยภายนอก เมื่อจบหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับภายในค่ายแล้ว กับอีกรูปแบบคือการให้เด็กผู้ลี้ภัยออกมาเรียนรวมกับเด็กไทยในโรงเรียนซึ่งจากการหารือกับทางศธ. รูปแบบหลังมีแนวโน้มที่จะเป็นจริงหลังจากที่นโยบายทางการศึกษาที่ปรับปรุงใหม่ของทางกระทรวงศึกษาได้นำมาปรับใช้อย่างเป็นรูปธรรม
จากการยืนยันของนายชัยวุฒิ ทำให้นางสาวไดอาน่า หรือได๋ดาราสาวที่ทำหน้าฑูตผู้ลี้ภัยคนแรกของไทยได้กล่าวกับทางรมช.ศธ.ว่า เธอในฐานะของฑูตผู้ลี้ภัย รู้สึกขอบคุณแทนเด็กๆผู้ลี้ภัยอย่างสูง เพราะการที่เธอได้รับฟังมาตรการในการดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ทำให้เธอรู้สึกดีใจและสบายใจแทนเด็กๆผู้ลี้ภัย ว่าอนาคตของเด็กๆเหล่านี้คงจะไม่ได้จบลงที่ในค่ายผู้ลี้ภัย และหวังเป็นอย่างยิ่งที่ทางยูเอสซีอาร์ไอ จะมีส่วนร่วมในการทำงานเพื่อสนบัสนุนนโยบายและมาตรการทางการศึกาเพื่อเด็กผู้ลี้ภัย เด็กไร้สัญชาติ และเด็กอื่นๆ ที่ยังไม่มีโอกาสได้เข้าถึงระบบการศึกษาของไทยให้มีโอกาสทัดเทียมกับเด็กกลุ่มอื่นๆในประเทศไทยและเด็กไทย
ยิ่งไปกว่านั้นทางรมช.ชัยวุฒิได้บอกยูเอสซีอาร์ไอและไดอาน่าว่า ขณะนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการกำลังร่างระเบียบสำหรับสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคระรัฐมนตรีในการพิจารณาและการอนุมัติใช้ ระเบียบดังกล่าวมีเนื้อหาว่าด้วยโอกาสที่ทัดเทียมกันของเด็กทุกคนในประเทศไทยที่จะสามารถเข้าถึงระบบการศึกษาของไทย โดยไม่มีข้อยกเว้น และเด็กเหล่านี้สามารถที่จะเข้าเรียนร่วมกับเด็กไทยได้ รวมถึงการปรับปรุงและดูแลศูนย์การเรียนรู้แก่เด็กทุกกลุ่มอย่างมีระบบทั้งนี้ต้องเป็นร่างสำนักนายกฯ เพราะศธ.ทำโดยลำพังไม่ได้ “โดยเรื่องนี้ถือเป็นความมั่นคง จึงต้องประสานกับ กระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนส่งเรื่องเข้า ครม.อีกครั้ง” นายชัยวุฒิ กล่าว
นายชัยวุฒิ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ นอกจากเรื่องของการศึกษาแล้ว ความเป็นอยู่แล้ว อยากให้ทาง ยูเอสซีอาร์ไอ หาแนวทางในการดูแลชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเขาที่ได้รับสัญชาติไทยอย่างถูกต้องที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบสถานที่พักพิงชั่วคราวด้วย เพราะการช่วยเหลือต่างๆ ก็ทุ่มไปให้กับผู้ลี้ภัย ซึ่งผู้มีสัญชาติไทยที่อยู่โดยรอบก็มีความเป็นอยู่ที่ไม่แตกต่างกัน แถมยังทำมาหากินด้วยตัวเอง แต่กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือเลยของเรา
ถ้าต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อที่ เกศินี ศิลปี เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายงานสื่อสาร
สำนักงานยูเอสซีอาร์ไอประจำประเทศไทย โทร: 02 354 9362; โทรสาร/โทร: 02 640 9025
อีเมล: ksilapee@gmail.com / ksilapee@uscrithailand.org
เว็บไซต์: www.uscrithailand.org.