กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
AIT โชว์งบไตรมาส 3 สวย หลังรายได้กว่า 500 ล้านบาท แถมมีงานในมืออีกกว่า 1,300 ล้านบาท ชี้เป็นรายได้ต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีและปีหน้า ด้านผู้บริหารมองหาพันธมิตรเสริมธุรกิจให้แกร่ง พร้อมพัฒนาบริการให้มีความหลากหลาย
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้ให้บริการด้านธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบการสื่อสาร เปิดเผยถึงผลการดำเนินการในไตรมาส 3 ปี 2549 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 550 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 200 ล้านบาท หรือ 59% และมีกำไรสุทธิสำหรับงวดเพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2548 สำหรับงวดเก้าเดือน บริษัทมีรายได้รวม 1,692 ล้านบาท และกำไรสุทธิกว่า 158 ล้านบาทซึ่งเพิ่มขึ้น 87% และ 182% ตามลำดับเมื่อเทียบกับงวดเก้าเดือนในปีที่ผ่านมา
จากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นปีที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีนั้น สาเหตุเนื่องมาจากบริษัทได้งานโครงการเพิ่มมากขึ้นกว่าทุกๆปีจากภาครัฐและภาคเอกชนประกอบกับมี Backlog จากปี 2548 จำนวนเกือบ 700 ล้านบาท ซึ่งทำให้รายได้รวมปี 2549 ทะลุเป้าที่ตั้งไว้คือ 1,600 ล้านบาท ดังนั้นบริษัทจึงปรับเพิ่มประมาณการรายได้รวมทั้งปีเป็น2,100 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว 54% โดยมีสัดส่วนของแหล่งที่มาของรายได้ 3 ส่วนคือ จากผู้ให้บริการ (Service Providers) 50% ภาคราชการ 30% และภาคเอกชน 20% โดยประมาณ
นายศิริพงษ์ ยังกล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปีหน้าด้วยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี 2550 จะเติบโตจากปีนี้ในอัตรา 15-20% ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าได้เช่นเดียวกับปีนี้ เนื่องจากมีงานในมือ (Backlog) ที่จะทยอยรับรู้ในปี 2550 อีกกว่า 800 ล้านบาท และยังมีโครงการต่างๆจากภาครัฐและภาคเอกชนที่อยู่ในแผนเตรียมการประมูลอีกมากและมากเพียงพอกับงานที่คาดว่าจะได้รับเพื่อให้รายได้เป็นไปตามเป้าหมาย นอกจากนั้นบริษัทยังมีแผนที่จะปรับเปลี่ยน และมุ่งเน้นในเรื่องของธุรกิจบริการซึ่งรวมถึงบริการติดตั้งและซ่อมบำรุงรักษา ให้สามารถสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นโดยการให้บริการกับลูกค้าอื่นๆนอกเหนือจากลูกค้าของ AIT เอง นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนที่จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตร เพื่อขยายงานด้านสารสนเทศภูมิศาสตร์ หรือ GIS ที่บริษัทได้ดำเนินการมาแล้วกว่า 5 ปี ให้มีการใช้งานหลากหลายมากขึ้น รวมทั้งจะเน้นการสร้างรายได้จากการขยายตลาดตัวสินค้าที่มีอยู่ให้กว้างขวางขึ้น เพื่อเสริมรายได้จากโครงการและการบริการที่ทำมาในอดีต
"ในปีหน้า เราจะมุ่งเน้นสร้างรายได้ที่เป็นรายได้ที่ต่อเนื่องเช่น รายได้ด้านการบริการ รายได้จากการเช่า และจากการขายสินค้าเป็นต้น เพื่อลดความเสี่ยงที่ไม่แน่นอนของรายได้โดยรวม สำหรับงานโครงการ เรายังดำเนินอยู่เช่นเดิมแต่อาจเลือกโครงการที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและมี Value Added แทนธุรกิจซื้อมาแล้วขายไปซึ่งมีกำไรต่ำ นอกจากนั้นยังมีองค์ประกอบของธุรกิจ ICT อีกมาก ที่เราต้องสร้างต่อไปเพื่อฐานรากที่แข็งแรงของ AIT ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้อาจต้องใช้การซื้อหรือ Acquisition และท้ายที่สุดเพื่อให้ AIT เป็นที่น่าสนใจของ นักลงทุนโดยเฉพาะกองทุนต่างๆ เราจะต้องสร้าง Market Cap ให้สูงกว่านี้เป็นสิบเท่า ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำในระยะเวลาอันสั้นนี้ จึงมองในอนาคตของการควบรวมกิจการที่เอื้อประโยชน์กันไม่ใช่เงินเพียงอย่างเดียว" นายศิริพงษ์กล่าว
สำหรับราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงวัตถุดิบในการติดตั้งระบบ อาทิเช่น สายเคเบิล แลค่าขนส่ง ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น ส่งผลกระทบให้ต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยโดยไม่เป็นสาระสำคัญเบื้องต้น เนื่องจากบริษัทมีการบริหารควบคุมอย่างดี โดยเฉพาะการตกลงราคาซื้อขายล่วงหน้าในวัตถุดิบที่ผลิต ซึ่งช่วยลดผลกระทบได้พอสมควร ขณะเดียวกัน บริษัทจะพยายามรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ไว้ในระดับไม่เกิน 1.5 เท่า เพื่อรักษาสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจไว้ด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ : กฤติยาพร พลตรี
บริษัทมาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
โทรฯ 02-643-1191-2 มือถือ 08-9636-8414
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net