กรุงเทพฯ--8 ก.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังราคาทองคำในตลาดโลกยังคงขยับเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ ส่วนในคืนนี้ยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรในทองคำแท่งออกมา หากราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านจิตวิทยาสำคัญที่ $1,000 ต่อออนซ์ได้
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดเป็นขาขึ้น, MACD 30 นาทีเคลื่อนตัวอยู่ในบวกทว่าและได้ตัดเส้น Trigger จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูตลาดเป็นบวก, Fast Stochastic เคลื่อนตัวอยู่เหนือเส้น Trigger ทำให้ ราคามีโอกาสจะกลับตัวลง, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 78.706 ถือเป็นระดับ overbought ทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways-up แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $991-$999 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.97-฿34.10
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นขาขึ้น, RSI อยู่ที่ระดับ 82.652 ถือเป็นระดับ overbought ทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกและได้ตัดเส้น Trigger จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDFเคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูตลาดเป็นบวก, Fast-Stochastic เคลื่อนตัวขึ้นทำให้ดูตลาดเป็นบวก, ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Bull โดยจะใช้แนวต้านที่ $1,010 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ $1,035 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $960 และ $940 ตามลำดับ
ราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,900 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 16,110 หรือที่ $995.20) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 210 บาท ขณะที่ราคาของ GFV09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,830 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 280 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFV09 มีส่วนลดมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การขาย (Short) ทองแท่งที่ร้านทองแล้วมาเปิดสถานะซื้อ (Long) GFV09 จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 280-210 = 70 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ภาวะเศรษฐกิจเยอรมัน — เยอรมันประกาศตัวเลขดัชนียอดสั่งซื้อภาคโรงงานขยับขึ้นอีก 3.5% ในเดือน ก.ค. มากกว่าที่คาดกันไว้ก่อนหน้าว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2% และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันแล้ว ซึ่งทำให้เชื่อว่ากันว่าตัวเลขดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจะขยับขึ้นตามในไม่ช้า นอกจากนี้ เยอรมันยังรายงานตัวเลขความเชื่อมั่นนักลงทุนขยับขึ้นมาที่ -14.6 ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ -17 ในเดือนก่อนหน้าอีกด้วย
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์ปิดอ่อนค่าลง +$0.0044 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4334 จากที่ปิด $1.4290 เมื่อวันก่อนหน้า หลัง ตัวเลขยอดสั่งซื้อภาคโรงงานและดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนของเยอรมันออกมาดี + ผลการประชุม G-20 ยังได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างเช่นสินค้าโภคภัณฑ์และหุ้นอีกด้วย ส่วนเช้านี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย -$0.0001 มาที่ $1.4333
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ต.ค. ทรงตัวที่ $68.02 ต่อบาร์เรล แม้ดอลลาร์จะอ่อนค่าลง แต่ความกังวลในเรื่องอุปสงค์ที่ยังอ่อนแอ แต่อุปทานส่วนเกินในตลาดกลับมีมากขึ้นยังคอยกดดันอยู่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเฝ้าติดตามผลการประชุมของ OPEC ในวันพรุ่งนี้อีกด้วย ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ต.ค. ขยับขึ้น +$0.13 มาอยู่ที่ $68.15 ต่อบาร์เรล
ปัจจัยลบ
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทปิดแข็งค่าขึ้น -1 สต. มาที่ 34.03 บาท จากที่ปิด 34.04 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า เช่นเดียวกับสกุลเงินต่างประเทศอื่นๆ ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และได้รับปัจจัยบวกส่วนหนึ่งจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้น ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลง +3 สต. มาที่ 34.06 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.97 บาทและ 33.91 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.10 บาทและ 34.17 บาท
G-10 — ผู้นำธนาคารกลางและเจ้าหน้าที่ควบคุมกฎระเบียบจากหลายประเทศบรรลุข้อตกลงในการตั้งกฎสากลใหม่ที่จะกำหนดให้ธนาคารจำเป็นต้องกันผลกำไรมากยิ่งขึ้นเพื่อใช้เป็นกันชนสำหรับช่วงเวลาที่ยากลำบาก และจะมีการกำหนดเพดานสำหรับสัดส่วนการใช้เงินกู้ในการดำเนินกิจการธนาคาร
ภาวะเศรษฐกิจจีน - นายหลิว หมิงกัง ประธานคณะกรรมการกำกับกฎระเบียบธนาคารจีน (CBRC) กล่าวว่า อัตราการขยายตัวของเงินกู้ในจีนกำลังชะลอลง และจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แม้การสกัดกั้นการปล่อยกู้ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตที่ร่วงลงมากกว่า 20% ในเดือนที่ผ่านมา หลังทะยานขึ้น 90% จากต้นปี
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้
1. สหรัฐเตรียมประกาศตัวเลขยอดสินเชื่อผู้บริโภคคงค้าง (ราวตี 2) ลดลงอีก -4 พันล้านดอลลาร์ในเดือน ก.ค. หลังลดลงกว่า -1 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก่อนหน้า
กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 7 ก.ย.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,077.63 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.43 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.65 ล้านออนซ์
OPEC - กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) จะประชุมกันในวันที่ 9 ก.ย.ที่กรุงเวียนนา โดยปริมาณสำรองน้ำมันที่ระดับสูงและความเสี่ยงเรื่องการร่วงลงของราคาอาจสร้างความกังวลให้กับรัฐมนตรีกลุ่มโอเปก แต่เป็นที่คาดกันว่าราคาน้ำมันที่ระดับใกล้ 70 ดอลลาร์/บาร์เรลจะทำให้กลุ่มโอเปกตรึงปริมาณการผลิตไว้ที่ระดับเดิม