ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิต “การบินไทย” เท่าเดิมที่ระดับ “AA-/Stable”

ข่าวทั่วไป Tuesday July 18, 2006 09:18 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ก.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท (THAI085A, THAI08OA, THAI09OA, THAI10OA, THAI115A, THAI11OA, THAI14OA, THAI155A) คงเดิมที่ระดับ “AA-” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจการบินระหว่างประเทศในเส้นทางที่บินเข้าและออกจากกรุงเทพฯ และการได้รับประโยชน์จากการเป็นสมาชิก Star Alliance ซึ่งเป็นเครือข่ายพันธมิตรสายการบินที่ใหญ่ที่สุด รวมถึงการที่บริษัทมีสถานภาพเป็นสายการบินแห่งชาติและการมีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสายการบิน ตลอดจนความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น รวมถึงภาระหนี้สินของบริษัทที่ค่อนข้างสูง
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายที่บริษัทจะสามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจการบินระหว่างประเทศของไทยเอาไว้ได้ รวมทั้งคาดว่าการสนับสนุนจากรัฐบาลในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะยังคงดำเนินต่อไปโดยเฉพาะในช่วงที่บริษัทเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบาก แม้ว่าความต้องการเดินทางทางอากาศในระยะยาวจะยังคงดีอยู่ แต่ก็อาจจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความต้องการเงินลงทุนในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าของบริษัทด้วย บริษัทจะต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ยากลำบากยิ่งขึ้นทั้งในด้านการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงและต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ผลการดำเนินงานของบริษัทจึงขึ้นอยู่กับความสามารถในการเพิ่มรายได้ ความสำเร็จในการลดต้นทุน และการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ทั้งนี้ การถดถอยของสถานะทางการเงินของบริษัทอาจทำให้ต้องมีการทบทวนอันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทใหม่
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ปัจจุบันรัฐบาลไทยถือหุ้นโดยตรงในบริษัทการบินไทย 54% ลดลงจาก 79% ในปี 2546 ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทขายหุ้นให้แก่ประชาชน 285 ล้านหุ้นในปี 2546 บริษัทยังมีกองทุนวายุภักษ์ซึ่งจัดตั้งโดยกระทรวงการคลังเพื่อลงทุนในรัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้ถือหุ้นรายสำคัญจำนวน 18% แม้ว่ารัฐบาลได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทลงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ได้แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนที่จะคงสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทให้ไม่ต่ำกว่า 51% ในฐานะที่เป็นรัฐวิสาหกิจและสายการบินแห่งชาติ บริษัทได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทั้งในด้านการเงินและการดำเนินงาน อาทิ การให้เงินกู้ยืมเฉพาะกาล (Bridge Loan) และการช่วยหาแหล่งเงินทุน
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทการบินไทยมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในเส้นทางการบินระหว่างประเทศมาเป็นเวลายาวนานด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 40% ของจำนวนเที่ยวบินทั้งหมดที่ใช้บริการ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงเทพ แม้ในปี 2548 ส่วนแบ่งดังกล่าวจะลดลงจาก 45% ในปี 2546 เป็น 40% แต่ก็ยังคงสูงกว่าสายการบินที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับสองอย่างมาก ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะผู้นำในเส้นทางการบินระหว่างประเทศ ณ ฐานที่มั่นคือท่าอากาศยานนานาชาติกรุงเทพเอาไว้ได้เนื่องจากบริษัทยังคงสิทธิในการบินและการลงจอดในท่าอากาศยานในประเทศต่างๆ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากสายการบินต้นทุนต่ำและสายการบินปกติซึ่งต่างก็กำลังขยายเส้นทางการบินและเพิ่มฝูงบินจะท้าทายต่อสถานะทางการตลาดของบริษัท สำหรับธุรกิจการบินภายในประเทศซึ่งบริษัทเคยมีสัดส่วนเพียง 10% ของรายได้รวมของบริษัทนั้น ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทลดลงเหลือ 43% ในปี 2548 จาก 84% ในปี 2546 เนื่องจากผลของกลยุทธ์ที่จะเพิ่มกำไรโดยการลดจำนวนเที่ยวบินภายในประเทศของบริษัทซึ่งมีผลดำเนินงานขาดทุนและให้สายการบินนกแอร์เป็นผู้ดำเนินการแทน โดยสายการบินต้นทุนต่ำมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต่างออกไปและมีส่วนน้อยที่ซ้ำซ้อนกับของบริษัท ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากธุรกิจการบินภายในประเทศลดลงเหลือเพียง 7% เท่านั้น
การแข่งขันได้เริ่มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นภายหลังจากที่รัฐบาลเริ่มดำเนินนโยบายเปิดเสรีธุรกิจการบินตั้งแต่ปี 2541 โดยอนุญาตให้สายการบินของไทยทุกแห่งสามารถให้บริการในทุกเส้นทางการบินที่ประเทศไทยได้รับสิทธิ ดังนั้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน บริษัทจึงมีแผนในการขยายฝูงบินโดยการเพิ่มจำนวนเครื่องบินจาก 84 ลำในปี 2548 เป็น 93 ลำภายในปี 2553 และจะปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกภายในเครื่องบินที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม การขยายฝูงบินจำเป็นจะต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากการกู้ยืมเพิ่มเติม ดังนั้น จึงคาดว่าโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะถดถอยลงยิ่งขึ้น
บริษัทการบินไทยมีผลประกอบการที่สม่ำเสมอแม้ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ หรือแม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับการก่อวินาศกรรมที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก หรือการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (Severe Acute Respiratory Syndrome -- SARS) และไข้หวัดนก อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานของบริษัทเริ่มได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นและต้นทุนในการดำเนินงานที่ผันผวนโดยเฉพาะต้นทุนด้านเชื้อเพลิงและต้นทุนแรงงาน อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทซึ่งลดลงเล็กน้อยจาก 28% ในปี 2545 เป็น 25% ในปี 2547 กลับลดลงอย่างมากเหลือ 18% ในปี 2548 ในด้านฐานะสภาพคล่องทางการเงินนั้นบริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่ลดลงในรอบบัญชีปี 2548 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 23% ในช่วงครึ่งแรกของรอบบัญชีปี 2549 ทริสเรทติ้งกล่าว
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ