กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--โรงพยาบาลปิยะเวท
กล่าวถึงแวดวงรังสีวิทยา คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จักบุคคลท่านนี้ นพ. วิรุณ โทณะวณิก รังสีแพทย์รักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยการฝังแร่โรงพยาบาลปิยะเวท ด้วยดีกรีที่จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์บัณฑิตและเตรียมแพทยศาสตร์บัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นได้เข้าศึกษา และเป็นแพทย์ฝึกหัดที่โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลกลางกรุงเทพมหานคร และยังได้เข้าร่วมโครงการแพทย์ฝึกหัดแลกเปลี่ยนที่โรงพยาบาลเซนต์ แคล เมืองชเน็คทาดี มลรัฐนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา และนี่คือจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ด้านรังสีบำบัด ณ โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ เมืองบัลติมอร์ มลรัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา
และได้รับการรับรองจาก The American Board of Radiology ในปี พ.ศ.2522 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นรังสีแพทย์อาวุโสผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการฝังแร่เพื่อรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก ศูนย์รักษามะเร็งด้วยรังสีของคริสเตียน่าแคร์ มลรัฐเดลาแวร์ จนได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากที่สุดในมลรัฐตอนกลางทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ในด้านการรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก และยังเป็นรังสีแพทย์รักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยการฝังแร่ ที่โรงพยาบาลปิยะเวท อีกด้วย
นพ.วิรุณ เปิดเผยถึงการรักษาแบบทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากว่า “การฝังแร่เพื่อรักษามะเร็งต่อมลูกหมากเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้รักษาผู้ป่วยในระยะเริ่มแรกโอกาสหายก็มีสูงถึง 95% มีข้อดีคือผู้ป่วยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฉายแสง ทำให้ภาวะแทรกซ้อนและผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศมีน้อยภายหลังจากการรักษา โดยการฉายรังสีจะส่งผลต่อสมรรถภาพถึงร้อยละ 50 ในขณะที่การรักษาโดยการผ่าตัดจะส่งผลต่อสมรรถภาพไปกว่าร้อยละ 90 เลยทีเดียว ทำให้คุณภาพชีวิตภายหลังจากการผ่าตัดมีผลกระทบค่อนข้างมาก เหตุนี้การฝังแร่รักษาจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ”
จากประสบการณ์ที่ได้ทำการรักษาคนไข้ชาวอเมริกันมาแล้วกว่า 1,500 คน ว่า “การรักษามะเร็งต่อมลูกหมากโดยการฝังแร่ (Brachytherapy) นี้เป็นการใช้กัมมันตรังสีเพื่อบำบัดเซลส์มะเร็ง โดยการรักษาจะเริ่มจากการอัลตราซาวน์ผ่านทวารหนักก่อนเพื่อตรวจวัดปริมาตรของต่อมลูกหมาก ก่อนจะนำภาพที่ได้ไปคำนวณหาพิกัดในการฝังแร่ที่ใช้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 3 ชนิด คือ แร่ไอโอดีน -125 (Iodine -125), แร่พาเลเดียม-192 (Paladium-192) และซีเซียม-131 (Cesium-131)
โดยเป็นแร่สังเคราะห์ที่ทำขึ้นโดยเฉพาะ และมีความปลอดภัย ซึ่งแต่ละท่านจะใช้แร่ฝังประมาณ 40 กว่าเม็ดไปจนถึงร้อยกว่าเม็ดแล้วแต่ปริมาณของต่อมลูกหมาก”
“ปริมาณการใช้แร่มีความสำคัญมากเช่นเดียวพิกัดของการฝังแร่ ทั้งนี้เพื่อประสิทธิผลภายหลังจากการรักษาไม่ให้ส่งผลกระทบต่ออวัยวะส่วนอื่น ดังนั้นการคำนวณหาปริมาณและพิกัดที่แม่นยำจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งเราก็ได้นำโปรแกรมการคำนวนโดยใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นโปรแกรมการคำนวนชั้นสูงและเป็นเทคโนโลยีใหม่ในอนาคตเข้ามาช่วยในการคำนวนหาพิกัดในการฝังแร่ดังกล่าวเพื่อควบคุมผลกระทบภายหลังจากการรักษา” นพ.วิรุณกล่าว
“มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นโรคที่มีไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคที่แท้จริง แต่สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศชายเทสโตสเตอร์โรน หรือแอนโดรเจนที่เกิดขึ้นตามช่วงอายุและส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเซลส์มะเร็ง, จากกรรมพันธุ์ หรือจากการดำรงชีวิตที่ไม่ถูกต้องกับสุขภาพ”
“นอกจากนี้ อาการของโรคในระยะแรกเริ่มมักไม่แสดงอาการ หรือมีอาการใกล้เคียงกับต่อมลูกหมากโต จึงทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ละเลยคิดว่าเป็นอาการธรรมดาของผู้สูงอายุ เหตุนี้ชายวัยกลางคนหรือที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป ควรใส่ใจอาการผิดปกติแรกเริ่มของโรค อาทิ ความผิดปกติของการปัสสวะ โดยดูจากความบ่อยของการปัสสาวะในตอนกลางคืน คืออาจจะรู้สึกตึงๆเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะไม่สุด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ รู้สึกเจ็บหรือมีเลือดออกปนมากับปัสสาวะ มีอาการเหนื่อย เบื่ออาหาร หรือมีอาการปวดหลัง ปวดกระดูก เป็นต้น ควรจะไปพบแพทย์เป็นการด่วนเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยเป็นการด่วนเพราะหากตรวจพบในระยะเริ่มแรก การรักษาก็จะได้ผลมากกว่า” นพ.วิรุณ กล่าวทิ้งท้าย ก่อนที่จะกลับสหรัฐอเมริกา และจะกลับมาที่ประเทศไทยเพื่อทำการรักษาอีกครั้งในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ที่โรงพยาบาลปิยะเวท.
ผู้ที่สนใจ และชายอายุ 50 ปีขึ้นไปที่สงสัยว่ามีภาวะเสี่ยง สามารถเข้าฟังสัมมนา “แนวทางการรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก ด้วยการฝังแร่” ได้ที่ห้องประชุม ชั้น 4 ตรัยยา โรงพยาบาลปิยะเวท ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม ศกนี้ เวลา 08.00 — 12.00 น. และรับการตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก (PSA) และ Free PSA ได้ในงาน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งได้ที่โทร. 02-625-6555 หรือทาง www.piyavate.net