กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มขยับขึ้นได้อีก แต่อาจจะไม่หวือหวามากนัก นอกจากนี้ นักลงทุนยังควรระมัดระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นไว้ด้วย หลังดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงมามาก มีแนวโน้มพักฐานในช่วงสั้นๆ ขณะที่แนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำในสหรัฐ จะยังหนุนให้นักลงทุนโยกย้ายเงินออกจากดอลลาร์เข้าสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นในสกุลเงินอื่นในระยะต่อไปได้อีก (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป)
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
Source : Bisnews (Daily)
Source : Bisnews (30 Min)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดเป็นขาขึ้น, MACD 30 นาทีเคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกและได้ตัดเส้น Trigger จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 0 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, Fast Stochastic เคลื่อนตัวขึ้นทำให้ ราคามีโอกาสขึ้นต่อ, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 66.847 ถือเป็นระดับ overbought อยู่เล็กน้อยทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Bull, แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $996-$1,013 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.85-฿34.00
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นขาขึ้น, RSI อยู่ที่ระดับ 83.499 ถือเป็นระดับ overbought ทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกและได้ตัดเส้น Trigger จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDFเคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูตลาดเป็นบวก, Fast-Stochastic กำลังเคลื่อนตัวขึ้นทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ, ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Bull โดยจะใช้แนวต้านที่ $1,010 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ $1,035 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $960 และ $940 ตามลำดับ
ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
Source: YLG’s estimations
พิจารณาตารางที่ 3 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 16,050 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 16,270 หรือที่ $1,007.70) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 220 บาท ขณะที่ราคาของ GFV09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,910 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 360 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFV09 มีส่วนลดมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การขาย (Short) ทองแท่งที่ร้านทองแล้วมาเปิดสถานะซื้อ (Long) GFV09 จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 360-220 = 140 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยอีกราว 25 บาทในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนวันศุกร์
1. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคานำเข้าเพิ่มขึ้น +2.0% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.8% ในเดือนก.ค. ขณะที่ดัชนีราคาส่งออกเพิ่มขึ้น +0.7% ในเดือนส.ค. หลังจากลดลง -0.3% ในเดือนก.ค.
รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.อยู่ที่ 70.2 เพิ่มขึ้นจาก 65.7 ในเดือนส.ค. โดยเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 67.3กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยข้อมูลปริมาณสินค้าคงคลังภาคค้าส่งของสหรัฐลดลงในอัตราชะลอตัวลงที่ -1.4% ในเดือนก.ค. หลังจากลดลง -1.7% ในเดือนมิ.ย. กระทรวงการคลังสหรัฐเผยยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐประจำเดือนส.ค. อยู่ที่ -$1.114 แสนล้านในเดือน ส.ค. ขาดดุลน้อยกว่าคาดไว้ก่อนหน้าที่ -$1.4 แสนล้าน และน้อยกว่าเดือนก่อนหน้าเล็กน้อยที่ขาดดุลอยู่ที่ -$1.119 แสนล้าน
ภาวะเศรษฐกิจจีน — จีนเผยดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวในเดือน ส.ค.ในอัตราสูงสุดในรอบ 12 เดือน และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เล็กน้อย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มสูงที่จะฟื้นตัวขึ้น
ภาวะเศรษฐกิจญี่ปุ่น — เศรษฐกิจของญี่ปุ่นขยายตัว 0.6% ในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. ต่ำกว่าตัวเลขขั้นต้นที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ แต่เป็นการยืนยันว่าเศรษฐกิจได้ฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยแล้ว หลังจากหดตัวลงอย่างรุนแรงเป็นเวลา 1 ปี แม้การปรับลดตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงมากเกินคาดจากตัวเลขขั้นต้นที่ขยายตัว 0.9% นั้น เป็นผลส่วนใหญ่จากการลดลงของปริมาณสินค้าคงคลัง ซึ่งนักวิเคราะห์ถือเป็นสัญญาณบวกว่า บริษัทต่างๆได้ลดระดับปริมาณสินค้าคงคลังลงเร็วเกินคาด
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์ปิดอ่อนค่าลงอีก +$0.0024 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4601 จากที่ปิด $1.4577 เมื่อวันก่อนหน้า หลัง แนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำในสหรัฐ ได้หนุนให้นักลงทุนโยกย้ายเงินออกจากดอลลาร์เข้าสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นในสกุลเงินอื่นๆ ส่วนเช้านี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น -$0.0055 มาที่ $1.4546
ปัจจัยลบ
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ - มาตรวัดการคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำในอนาคตอันใกล้นี้ และอยู่ในระดับที่จะไม่สร้างความกังวลให้แก่ผู้กำหนดนโยบาย โดยมาตรวัดดังกล่าวนี้รวมถึงอัตรา Breakeven หรือส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลที่ได้รับการคุ้มครองจากเงินเฟ้อ (TIPS) กับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ต.ค. ร่วงลง -$2.65 มาที่ $69.29 ต่อบาร์เรล จากที่ปิด $71.94 ต่อบาร์เรลเมื่อวันก่อนหน้า โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องอุปสงค์ หลัง EIA ประกาศตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นของสหรัฐสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ต.ค. ร่วงลงต่ออีก -$0.72 มาอยู่ที่ $68.57 ต่อบาร์เรล
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น -7 สต. มาปิดที่ 33.93 บาท จากที่ปิด 34.00 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า ตามทิศทางสกุลเงินต่างๆที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยเป็นผลจากกระแสเงินลงทุนที่ไหลเข้ามาต่อเนื่อง แต่ถ้าเทียบกับสกุลเงินอื่นๆแล้ว ถือว่าเงินบาทยังแข็งค่าได้น้อยกว่า เนื่องจาก ธปท.ยังเข้าแทรกแซงอยู่ ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลง +4 สต. มาที่ 33.97 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.85 บาทและ 33.78 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.00 บาทและ 34.08 บาท
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 11 ก.ย.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,077.63 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.49 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.65 ล้านออนซ์
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
Source : Bloomberg
ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com