กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--ปตท.
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (15 พ.ย.48) เป็นต้นไป ปตท. จะลดราคาน้ำมันขายปลีกดีเซลทุกชนิดให้แก่ผู้บริโภคลงอีก 40 สตางค์/ลิตร ทั้งนี้ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (15 พ.ย. 48) เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขต กทม.และปริมณฑลเป็นดังนี้
หน่วย : บาท/ลิตร
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 95 25.64
น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ 95 พลัส 24.14
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91 24.84
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที เดลต้า เอ็กซ์ ยูโร ทรี 22.69
น้ำมันดีเซล-ปาล์ม (บริสุทธิ์) 22.19
การลดราคาดังกล่าว เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดีเซลในตลาดสิงคโปร์ ได้อ่อนตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 60.29 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งอ่อนตัวลงตามราคาน้ำมันดิบ ประกอบกับมีน้ำมันในตลาดเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ความต้องการซื้อมีปริมาณจำกัด โดยเฉพาะอินโดนีเซียในฐานะผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ได้ลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันในสำเร็จรูปในเดือนธันวาคม 48 ลงเหลือ 1.56 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่คาดว่าจะนำเข้า 1.86 ล้านบาร์เรล/วัน เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศลดลง หลังจากที่รัฐบาลได้ปรับราคาขายปลีกในประเทศเพิ่มขึ้น การปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกดีเซลในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 รวม ปตท.ลดราคาไปแล้ว 1.50 บาท/ลิตร ในสามสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันยังคงมีความผันผวนสูง โดยระยะสั้นมีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศในสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าปกติ ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และความต้องการใช้น้ำมันที่ชะลอตัวลง ล่าสุด International Energy Enterprise (IEA) ได้คาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันดิบจากกลุ่มโอเปกในไตรมาส 4 จะลดลงประมาณ 300,000 บาร์เรล/วัน อยู่ที่ระดับ 29.6 ล้านบาร์เรล/วัน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการที่แหล่งผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ กลับมาดำเนินการได้ช้ากว่ากำหนดจากเดือนมีนาคม 2549 เป็นกลางปี 2549 ประกอบกับรายงานตัวเลขการนำเข้าน้ำมันดิบของจีน เพิ่มสูงขึ้นติดต่อกัน 2 เดือน (ในเดือน ต.ค. อยู่ที่ระดับ 11.25 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 21.3% จากเดือนก่อน) ซึ่งหากความต้องการใช้น้ำมันของจีนกลับมาอยู่ในระดับสูงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นได้ นายอนนต์ กล่าวทิ้งท้าย--จบ--