กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือนสิงหาคม 2552 รัฐบาลจัดเก็บรายได้ 199,397 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 11.4 ซึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ส่งผลให้รายได้รัฐบาลในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 (ตุลาคม 2551 — สิงหาคม 2552) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,322,974 ล้านบาท ซึ่งยังคงต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.8 โดยมีสาเหตุหลักจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม อากรขาเข้า และภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ที่หดตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมากในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี การดำเนินมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาล ได้ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น กระทรวงการคลังจึงคาดว่าการจัดเก็บรายได้สุทธิของรัฐบาลตลอดทั้งปีงบประมาณ 2552 จะต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ (1,604,640 ล้านบาท) ประมาณ 206,000 ล้านบาท ดีขึ้นกว่าเดิมที่เคยคาดไว้ว่าจะจัดเก็บได้ต่ำ กว่าประมาณ 280,000 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. เดือนสิงหาคม 2552 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 199,397 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกัน ปีที่แล้ว 20,423 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.4 เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วจำนวน 27,046 และ 10,270 ล้านบาท หรือร้อยละ 29.8 และ 525.3 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ภาษีมูลค่าเพิ่ม รายได้ส่วนราชการอื่น และอากรขาเข้า จัดเก็บได้ต่ำกว่าเดือนเดียวกัน ปีที่แล้ว 7,001 3,865 และ 1,733 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.1 27.8 และ 21.5 ตามลำดับ
สาเหตุที่การจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว เนื่องจากปีที่แล้ววันสุดท้าย (31 สิงหาคม 2551) ของการยื่นชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิรอบครึ่งปี (ภ.ง.ด.51) ตรงกับวันหยุดราชการ จึงมีการเลื่อนเวลาการชำระภาษีออกไปอีก 1 วัน ทำให้ภาษีส่วนหนึ่งเหลื่อมไปอยู่ในเดือนกันยายน 2551 แต่ในปีนี้วันสิ้นเดือนสิงหาคม 2552 ตรงกับวันทำการ จึงไม่มีการเหลื่อมไปชำระภาษีในเดือนกันยายน สำหรับการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วถึงร้อยละ 525.3 เนื่องจากในปีที่แล้ว มีการลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลและแก๊สโซฮอล์ ตาม 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน นอกจากนั้น ในปีนี้ได้มีการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 2 ครั้ง ในเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม 2552
2. ในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 (ตุลาคม 2551 — สิงหาคม 2552) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,322,974 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 95,860 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.8 เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรและกรมศุลกากรที่ลดลง โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม อากรขาเข้า ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และภาษีเงินได้นิติบุคคล นอกจากนี้ การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจก็ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วเช่นกัน
ผลการจัดเก็บรายได้ตามหน่วยงานจัดเก็บสรุปได้ ดังนี้
2.1 กรมสรรพากร จัดเก็บได้รวม 1,069,933 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 67,187 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.9 ภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่สำคัญ ได้แก่
- ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ต่ำกว่าปีที่แล้ว 67,502 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.7เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งที่เก็บจากการนำเข้าและการบริโภคในประเทศต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ร้อยละ 27.4 และ 3.4 ตามลำดับ อันเนื่องมาจากการหดตัวลงของสภาวะเศรษฐกิจ
- ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 8,561 ล้านบาทหรือร้อยละ 2.2 เป็นผลจากผลประกอบการโดยรวมของธุรกิจที่ลดลง อันเนื่องจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา
- ภาษีธุรกิจเฉพาะจัดเก็บได้ต่ำกว่าปีที่แล้ว 6,887 ล้านบาท หรือร้อยละ 29.0 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2551
อย่างไรก็ดี ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมจัดเก็บได้สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 22,635ล้านบาท หรือร้อยละ 33.3 เนื่องจากผลประกอบการของธุรกิจที่เกี่ยวกับการขุดเจาะปิโตรเลียมในปี 2551 อยู่ในระดับที่ดี จากราคาน้ำมันดิบที่สูงในช่วงปี 2551
2.2 กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 262,669 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 2,616 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.0 สาเหตุสำคัญมาจากการจัดเก็บภาษีน้ำมันสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว จำนวน 14,736 ล้านบาท หรือร้อยละ 22.6 เนื่องจากการปรับเพิ่มอัตราภาษีในเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี การจัดเก็บภาษีรถยนต์ ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 8,880 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.5 ซึ่งเป็นผลจากประชาชนชะลอการซื้อสินค้าคงทนและสถาบันการเงินระมัดระวังในการให้สินเชื่อมากขึ้น นอกจากนี้ การจัดเก็บภาษีเบียร์ ก็ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4,595 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.3
2.3 กรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 72,480 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 18,271 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.1 เนื่องจากจัดเก็บอากรขาเข้าได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 18,837 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.3 ซึ่งเป็นผลจากการหดตัวของมูลค่าการนำเข้าสินค้า โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 (ตุลาคม 2551 — กรกฎาคม 2552) มูลค่าการนำเข้าในรูปเงินดอลลาร์ สรอ. และเงินบาทต่ำกว่าช่วงเดียวกัน ปีที่แล้วร้อยละ 24.0 และ 19.8 ตามลำดับ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
สำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร 02 273 9020 ต่อ 3500 , 3545