ผู้จัดการ mai คนใหม่เดินหน้าผลักดันแผนธุรกิจให้บรรลุเป้า เผยปี 2548 บจ. mai มีกำไร 1,214 ล้านบาท

ข่าวทั่วไป Friday March 10, 2006 10:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--ตลาดหลักทรัพย์
ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) คนใหม่เดินหน้าผลักดันแผนธุรกิจให้บรรลุเป้า เดินสายเข้าพบ ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนและบริษัทเป้าหมาย พร้อมส่งเสริมการลงทุนใน mai โดยเน้นให้ข้อมูลครบถ้วน เผยผลประกอบการปี 2548 ยอดขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 และกำไรสุทธิรวม 1,214 ล้านบาท และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ 5
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินงานในปี 2549 ว่า ยังคงเป็นไปตามแผนธุรกิจและเป้าหมายเดิมที่นายวิเชฐ ตันติวานิช ประธานที่ปรึกษา ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้วางแนวทางไว้ ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือ การเข้าพบผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจดทะเบียน เพื่อสอบถามและศึกษาถึงแผนธุรกิจของแต่ละบริษัท เพื่อร่วมกันส่งเสริมและผลักดันการดำเนินงานให้เกิดประสิทธิสูงสุด ในขณะเดียวกันก็เน้นการให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุน เพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุนใน ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มากขึ้นด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2548 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 35 บริษัท นำส่งงบการเงินประจำปี 2548 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2548 พบว่ามีกำไรสุทธิรวม 1,214 ล้านบาท ทั้งนี้ มีบริษัทที่มีการเติบโตของกำไรสุทธิจำนวน 16 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 46 และขาดทุนสุทธิ 19 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 54 โดยสามารถทำยอดขายโดยรวมกว่า 23,495 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 19,207 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22
ทั้งนี้ บริษัทที่มีผลประกอบการโดดเด่นในปี 2548 ได้แก่ บมจ.โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอร์ส (GFM) มีกำไรสุทธิ 203 ล้านบาท มียอดขาย 1,092.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 157.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.86 เนื่องจากบริษัทมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 78.66 ล้านบาท เพราะบริษัทมีการพัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องและมีการบริหารต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง
บมจ. อินเตอร์ลิงค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) มีกำไรสุทธิ 60.82 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในปี 2547 จำนวน 40.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 51.92 เนื่องจากสามารถขยายตลาดในธุรกิจจัดจำหน่ายทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด อีกทั้งยังรับรู้รายได้จากโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้ ILINK เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2546 บริษัทมีกำไรสุทธิ 9 ล้านบาท
นายชนิตร กล่าวต่อว่า “บริษัทจดทะเบียนจะทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น แต่ผลประกอบการของบริษัทที่อยู่ในภาคการผลิตนั้นมีกำไรลดลง โดยมีสาเหตุหลักเนื่องจากต้นทุนขายที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องมาจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก เป็นผลจากการผันผวนของราคาวัตถุดิบในการผลิต อาทิ ต้นทุนทองแดง ตะกั่ว พลาสติกและเม็ดพลาสติก เป็นต้น”
ทั้งนี้ หากมองในแง่อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) จะเห็นว่า แม้โดยรวมบริษัทจดทะเบียนจะมีกำไรลดลง แต่เงินปันผลที่บริษัทประกาศจ่ายค่อนข้างเป็นอัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจ หากคิดเฉพาะเงินปันผลที่จ่ายงวดนี้ โดยไม่คิดรวมปันผลระหว่างกาล อัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ (mai) จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 5 สำหรับภาพรวมการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) นั้น ปัจจุบันมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 15,450 ล้านบาท
ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) สามารถศึกษาข้อมูลจากบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ ได้ จากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่ www.mai.or.th หรือเว็บไซต์ของบริษัทเซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด ที่ www.settrade.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ S-E-T Call center โทร. 0 2229 2222
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036 / กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037/
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ