ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน “บ. ควอลิตี้ เฮ้าส์” เท่าเดิมที่ “BBB+/Stable”

ข่าวทั่วไป Friday October 27, 2006 08:39 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนผลงานที่ยาวนานของบริษัทในตลาดที่อยู่อาศัย ตลอดจนภาพพจน์
ตราสัญลักษณ์ที่แข็งแกร่งในตลาดบ้านจัดสรรระดับบน และรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์และอาคารสำนักงาน อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนโดยสัดส่วนของระดับเงินกู้ที่ค่อนข้างสูง และลักษณะที่ผันผวนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยที่การชะลอตัวในอุปสงค์ของที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง อัตราดอกเบี้ยที่สูง และต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นล้วนเป็นปัจจัยที่ต้องระวัง
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะผู้นำในตลาดบ้านจัดสรรราคาแพงเอาไว้ได้ นอกจากนี้ โครงสร้างทางการเงินของบริษัทคาดว่าจะดีขึ้นภายหลังจากมีเงินเพิ่มทุนจำนวน 933 ล้านบาทจากการใช้สิทธิซื้อหุ้นจากใบสำคัญแสดงสิทธิของผู้ถือหุ้นและการนำโครงการอาคารสูงเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ และคาดว่ารายได้ค่าเช่าจากเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์และอาคารสำนักงานจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัทได้ในช่วงที่ภาวะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทควอลิตี้ เฮ้าส์ เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยโดยพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรเพื่อขายและโครงการอาคารสูงเพื่อให้เช่า โครงการบ้านจัดสรรของบริษัทจะเน้นบ้านเดี่ยวราคาแพงในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นเจ้าของและบริหารเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ “เซ็นเตอร์ พอยท์” และอาคารสำนักงาน “คิวเฮ้าส์” หลายแห่งในย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ ด้วย
ทริสเรทติ้งกล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทควอลิตี้ เฮ้าส์ ในปี 2548 และครึ่งแรกของปี 2549 ว่าเป็นที่น่าพอใจ โดยรายได้จากการขายบ้านราคาแพงเพิ่มขึ้นจาก 6,098 ล้านบาทในปี 2547 เป็น 6,842 ล้านบาทในปี 2548 และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3,332 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 จาก 3,072 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2548 รายได้ค่าเช่าจากเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์และพื้นที่สำนักงานเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากถึง 31% เป็น 670 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 เนื่องจากมีการเปิดตัวเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ในย่านทองหล่อในปี 2548 และอาคารสำนักงานในย่านลุมพินีในปี 2549 อย่างไรก็ตาม โครงสร้างทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลง โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นจาก 63% ในปี 2548 เป็น 65% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2549 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินรวมของบริษัทลดลงจาก 9.9% ในปี 2548 เป็น 7% (อัตราส่วนเต็มปี) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2549 บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้น 27% ในธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์) โดยมีเงินลงทุนจำนวน 632 ล้านบาท แม้ว่าธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์จะจัดตั้งขึ้นเพื่อเกื้อหนุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์โดยเสนอทางเลือกสำหรับสินเชื่อเคหะแก่ลูกค้าเพิ่มขึ้น ทว่าบริษัทยังได้รับประโยชน์ไม่มากนักเนื่องจากข้อจำกัดด้านฐานเงินทุนของธนาคาร
ทริสเรทติ้งเห็นว่าการปฎิรูปการปกครองที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ยังไม่มีผลกระทบในทันทีต่ออุปสงค์ที่อยู่อาศัย แม้ว่าจะมีความคาดหวังว่ารัฐบาลเฉพาะกาลจะลดความตึงเครียดทางการเมืองภายในประเทศลง แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็ยังไม่ดีขึ้นในทันที ทั้งนี้คาดว่าอุปสงค์ที่อยู่อาศัยจะยังคงอ่อนตัวในอนาคตอันใกล้แม้ว่าความกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยน่าจะบรรเทาลงในปีหน้า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ