กรุงเทพฯ--20 มิ.ย.--สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ
เรือรบของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ชื่อ USS SALVOR (ARS-52) ที่ได้เดินทางมาในประเทศไทยเพื่อทำการฝึกผสมการัต ๒๐๐๖ กับกองทัพเรือไทย โดยขณะเดินทางเข้าประเทศไทยเรือลำดังกล่าวได้แวะ ปฎิบัติการค้นหาเรือดำน้ำชื่อ USS LAGRARTO (SS-371) ซึ่งเป็นเรือดำน้ำที่ได้จมหายไปตั้งแต่สมัย สงครามโลกครั้งที่ ๒ พร้อมกับลูกเรืออีก ๘๖ นาย บริเวณพิกัดห่างจากจังหวัดสงขลา ประมาณ ๑๐๐ ไมล์ทะเล พิกัดแลตติจูดที่ ๗ องศา ๕๑.๙ ลิปดาเหนือ ลองติจูดที่ ๑๐๒ องศา ๒.๗ ลิบดาตะวันออก ทั้งนี้เมื่อได้ค้นพบเรือดำน้ำลำดังกล่าวแล้วได้มีการทำพิธีไว้อาลัย ยิงสลุต เพื่อสักการะดวงวิญญาณของลูกเรือทั้งหมด ณ จุดที่พบเรือพร้อมทั้งได้นำธงชาติสหรัฐอเมริกาและแผ่นจารึกไปติดไว้ที่บริเวณหัวเรือเรียบร้อยแล้ว
พลเรือตรี สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการกองเรือฟริเกตที่ ๒ กองเรือยุทธการ ผู้อำนวยการฝึก การัต ๒๐๐๖ เปิดเผยว่า เรื่องการค้นหาเรือดำน้ำของประเทศสหรัฐอเมริกาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นช่วงที่ กองกำลังทางเรือของประเทศสหรัฐอเมริกา นำเรือรบ จำนวน ๕ ลำ เข้ามาในน่านน้ำไทย และได้ประสานมายังกองทัพเรือเพื่อแวะค้นหาเป้าหมายเรือดำน้ำในน่านน้ำไทย ซึ่งกองทัพเรือได้ส่งนายทหารปฏิบัติการใต้น้ำ ของกรมสรรพาวุธทหารเรือ ร่วมการเดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานผลการปฏิบัติ ดังกล่าว ว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งได้พบเรือดำน้ำเรียบร้อยแล้ว อยู่ในระดับน้ำลึกประมาณ ๒๔๐ ฟุต หรือ ๗๖ เมตร ทางตอนใต้ของเกาะโลซิ้น ห่างจากทางด้านทิศตะวันออกของจังหวัดสงขลา ประมาณ ๑๐๐ ไมล์ทะเล สภาพเรือยังมีความสมบูรณ์ ด้านหัวเรือเสียหาย และได้รับรายงานว่า พบปืนใหญ่ขนาด ๕ นิ้ว ติดอยู่ที่ดาดฟ้าหัวเรือ ๑ กระบอก
สำหรับประวัติเรือดำน้ำ USS LAGARATO เป็นเรือดำน้ำชั้น BALAO มีลูกเรือประจำอยู่ภายในเรือ ๘๖ คน มี CDR.F.D. LATTA เป็นผู้บังคับการเรือ ได้เดินทางออกมาจากท่าเรือ ซูบิคเบ ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๑๙๔๕ เพื่อออกลาดตระเวนในทะเลจีนใต้ และเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๑๙๔๕ ได้เดินทางร่วมกับเรือของฝ่ายเดียวกันคือ เรือ BAYA เดินทางเข้ามาในน่านน้ำไทย คาดว่าน่าจะถูกถล่มโดย เรือ HATSUTAKA ซึ่งเป็นเรือวางทุ่นระเบิดของ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๔๘๘ สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ซึ่งซากเรือลำดังกล่าว กองทัพเรือประเทศสหรัฐอเมริกา จะดำเนินการให้เป็นสุสานทางสงคราม ในทะเลต่อไป โดยจะประสานกับประเทศไทย และกองทัพเรือไทยขอสงวนพื้นที่บริเวณดังกล่าวในการดำเนินการในเรื่องนี้ด้วย
(ที่มา:http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9490000079044 )