ปตท.ยืนยันไม่ได้ทำให้รัฐและผู้บริโภคเสียผลประโยชน์

ข่าวทั่วไป Wednesday March 29, 2006 18:17 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--ปตท.
ตั้งแต่แปรรูป ปตท. ไม่เคยปรับราคาค่าผ่านท่อ และได้แยกบัญชีของระบบท่อส่งก๊าซฯ ไว้ตั้งแต่ต้น พร้อมที่จะแยกเป็นบริษัทได้ทันทีหากรัฐยืนยัน โดยราคาก๊าซธรรมชาติของไทยถูกกว่าประเทศอื่นหลายเท่า และที่ผ่านมา ปตท. ได้เจรจากับผู้รับสัมปทานจนได้ส่วนลดมาแล้วและจะมีส่วนลดในอนาคตอีก รวมมูลค่าเกือบ 100,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนลดทั้งหมดส่งต่อให้ผู้บริโภค
นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจสำรวจ ผลิต และก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ยืนยัน ปตท.พร้อมแยกกิจการท่อส่งก๊าซธรรมชาติตามที่ระบุในหนังสือชี้ชวน และได้ดำเนินการแยกกิจการท่อส่งก๊าซฯ ในลักษณะแบ่งแยกตามบัญชีไว้แล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 แต่ที่ยังไม่ได้จัดตั้งเป็นรูปบริษัท เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการขอให้ชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อน เพื่อพิจารณาแนวทางให้สอดคล้องกับการปรับปรุงกิจการไฟฟ้าที่เดิมกำหนดให้เป็นแบบตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า( power pool ) คือ แยกสายส่งออกมาเพื่อให้ผู้ผลิตไฟฟ้าทุกรายสามารถใช้บริการได้ แต่ต่อมาได้ยกเลิกไป เนื่องจากมีจุดอ่อนในทางปฏิบัติที่เกิดในหลายประเทศ จึงไม่มีการแยกสายส่ง ทั้งนี้ ปตท. ขอยืนยันว่า การไม่ได้จัดตั้งบริษัทท่อส่งก๊าซฯ ดังกล่าว มิได้ทำให้เกิดความเสียหายต่อทั้งผู้ถือหุ้น และผู้บริโภค เพราะตั้งแต่หลังแปรรูป ปตท. มิได้มีการปรับค่าผ่านท่อเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามขณะนี้ปตท.เตรียมจะหารือกับกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแนวทางต่างๆรวมทั้งประเด็นภาษีที่จะเกิดจากการแยกบริษัทท่อส่งก๊าซฯ ต่อไป
นายจิตรพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ ที่ ปตท. จำหน่ายให้ กฟผ.นั้น ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ 1. ค่าเนื้อก๊าซฯ ปากหลุม เป็นส่วนของผู้รับสัมปทาน ซึ่งมีหลายบริษัท และภาครัฐ เป็นผู้อนุมัติสูตรราคา ส่วนนี้คิดเป็นประมาณ 90 % ของราคาก๊าซทั้งหมด 2. ค่าผ่านท่อ และค่าดำเนินการ คิดเป็น 10 % ซึ่งส่วนนี้ภาครัฐเป็นผู้อนุมัติหลักเกณฑ์และกำหนดอัตราค่าผ่านท่อเช่นกัน และตั้งแต่มีการแปรรูป ปตท.จนถึงปัจจุบัน ก็มิได้มีการปรับเปลี่ยนราคาในส่วนนี้เลย
สำหรับราคาเนื้อก๊าซธรรมชาติ ที่ใช้ในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้านั้น นับเป็นเชื้อเพลิงที่มีราคาถูก และมีการปรับราคาขึ้นในอัตราที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับน้ำมันคือ จากปี พ.ศ. 2544 (ก่อนแปรรูป ) ราคาน้ำมันดิบ (ดูไบ) อยู่ที่เฉลี่ย 23 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปัจจุบันเพิ่มเป็น 57 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรือเพิ่มขึ้น 150 % แต่ราคาก๊าซธรรมชาติปรับจาก 145 บาท/ล้านบีทียู เพิ่มเป็น 188 บาท/ล้านบีทียู หรือเท่ากับเพิ่มขึ้นเพียง 30 % เท่านั้น ทั้งนี้ เนื่องจากสูตรราคาเนื้อก๊าซธรรมชาติ อิงกับราคาน้ำมันเพียง 30 % ในขณะที่ประเทศอื่นส่วนใหญ่จะอิงราคาน้ำมันทั้งหมด ทำให้ปัจจุบันราคาก๊าซธรรมชาติของไทยมีราคาถูกมากและ ถูกกว่าน้ำมันถึงครึ่งหนึ่ง รวมทั้งราคาก๊าซฯ ของไทย ยังถูกกว่าราคาก๊าซฯ ในประเทศ อื่น ๆ เช่น ยุโรป และสิงคโปร์ ถึง 1 เท่าตัว ถูกกว่าสหรัฐอเมริกามากกว่า 1 เท่าตัว ทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าของไทยเราถูกกว่าประเทศอื่น ๆ มาก โดยเฉพาะปี พ.ศ. 2548 การใช้ก๊าซธรรมชาติสามารถลดต้นทุนเชื้อเพลิงได้ถึง 200,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันเตา
นอกจากนี้ ปตท. ยังได้พยายามเจรจากับผู้รับสัมปทานเพื่อขอลดราคาเนื้อก๊าซได้จำนวนมาก โดยที่ผ่านมาสามารถลดราคาเนื้อก๊าซฯ จากผู้ผลิตไปแล้วกว่า 14,000 ล้านบาท และในอนาคตจะมีการทยอยปรับลดอีก รวมมูลค่าที่ลดลงได้ทั้งหมดเกือบ 100,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดได้ส่งต่อไปเป็นส่วนลดค่าเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ทั้งนี้ กำไรของ ปตท.จากส่วนที่ขายก๊าซฯเพื่อผลิตไฟฟ้า คิดเป็นจำนวนไม่มาก คือ ประมาณ 9% ของกำไรทั้งหมด โดยกำไรส่วนใหญ่ของ ปตท.มาจากธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และบริษัทที่ ปตท.เข้าไปร่วมทุน อาทิ ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ธุรกิจปิโตรเคมี เป็นต้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติตต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
โทรศัพท์ 0-2537-2159-60 โทรสาร 0-2537-2174

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ