กรุงเทพฯ--15 ก.ย.--บีโอไอ
บอร์ดบีโอไอ ไฟเขียวตั้งคณะทำงานตัวแทนจากทุกหน่วยงาน เร่งปรับปรุงระเบียบและสิทธิประโยชน์ รวมถึงการกำหนดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล กระตุ้นต่างชาติเข้ามาลงทุนกิจการสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค (ROH) ในไทย
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ)ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาแนวทางการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการจัดตั้งสำนักงานปฎิบัติการภูมิภาค (ROH) ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น รองรับทิศทางการส่งเสริมให้ประเทศเป็นศูนย์กลางทางการเป็นสำนักงานภูมิภาค
ทั้งนี้คณะทำงานชุดดังกล่าวจะรับผิดชอบในการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงระเบียบ รวมทั้งการให้สิทธิประโยชน์ในกิจการ ROH รวมถึงการพิจารณากำหนดแนวทางการขยายการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากร เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ ในขณะเดียวกันเป็นไปในทิศทางเดียวกับ ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค ที่ปัจจุบันได้มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนและมีการกำหนดนโยบายในด้านภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราจูงใจ มากขึ้น อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง เป็นต้น
“ไทยนับเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจสำนักงานภูมิภาค โดยเฉพาะปัจจุบันที่ไทยเป็นฐานการผลิตขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม บริษัทต่างชาติยังสนใจเข้ามาตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทยน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศ อื่น ๆ ที่ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเงินได้นิติบุคคลค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเลือกที่ตั้งสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ ทั้งนี้คณะทำงาน จะเข้ามาช่วยพิจารณาถึงการปรับปรุงดังกล่าว ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีในการชักจูงให้มีการจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทยเพิ่มขึ้น” นายชาญชัย กล่าว
สำหรับคณะทำงานชุดดังกล่าวจะประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายสรยุทธ เพชรตระกูล นายสาคร สุขศรีวงศ์ และนายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็นประธาน และกำหนดให้คณะทำงานชุดดังกล่าวดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน เพื่อเสนอเข้าสู่การประชุมพิจารณาของบอร์ดบีโอไอต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงานปฎิบัติการภูมิภาค เป็นกิจการที่ให้บริการแก่บริษัทในเครือในภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้การบริการมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อน ครอบคลุมด้านการค้า การบริการต่างๆ การบริการทางการเงิน รวมถึงการบริหารจัดการทั่วไป โดย ปัจจุบันปัจจุบันมีผู้ได้รับส่งเสริมการลงทุนในกิจการดังกล่าวแล้ว 81 บริษัท อาทิ บริษัทเอ็กซอนโมบิล จำกัด บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด บริษัท เชฟรอนเอเชียเซ้าท์ จำกัด เป็นต้น
นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบกับการจัดตั้งกองทุนด้านพัฒนาเทคโนโลยี และบุคลากร ซึ่งมีกิจกรรมหลักในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ได้แก่การพัฒนาบุคลากร การวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม การสนับสนุนและส่งเสริมเอสเอ็มอีในประเทศ รวมถึงการพัฒนาศูนย์ทดสอบกลาง เพื่อสนับสนุนให้อุตสาหกรรมไปสู่มาตรฐานสากล ทั้งนี้ได้มอบให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในการดำเนินการจัดตั้งต่อไป
สำหรับมาตรการสนับสนุนกองทุนข้างต้น ได้ปรับปรุงมาตรการพัฒนาทักษะ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (STI: Skill, Technology and Innovation) โดยกำหนดให้เงินสนับสนุนแก่กองทุนสามารถนับรวมเป็นเงินใช้จ่ายในด้าน STI ด้วย เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่นับรวมเฉพาะค่าใช้จ่ายการสนับสนุนสถาบันการศึกษาหรือสถาบันวิจัยเท่านั้น
สำหรับกองทุนที่กำหนดนั้น จะเป็นกองทุนที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ โดยไม่จำกัดเฉพาะกองทุนที่ สวทช. จะจัดตั้งเท่านั้น โดยคณะกรรมการจะพิจารณาให้ความเห็นชอบกองทุนเป็นรายๆ ไป