กรุงเทพฯ--15 ก.ย.--กฟผ.
แหล่งก๊าซธรรมชาติมีปัญหา กฟผ. ต้องปรับแผนการผลิตไฟฟ้า โดยเพิ่มการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนรัชชประภา ซื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซีย และเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันเตา เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ แม้จะไม่เกิดปัญหาไฟฟ้าตก-ไฟฟ้าดับ แต่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ
นายวิรัช กาญจนพิบูลย์ รองผู้ว่าการกิจการสังคมและสิ่งแวดล้อม ในฐานะโฆษกการไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12-14 กันยายน 2552 ได้เกิดเหตุการณ์ขาดเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติในการผลิตกระแสไฟฟ้าขึ้นหลายครั้ง เนื่องจากเกิดปัญหาที่แหล่งก๊าซ JDA -18 ในอ่าวไทย และแหล่งก๊าซเยตากุนในพม่า โดยแหล่ง JDA -18 ได้หยุดทำงานไป 2 ครั้ง คือ ครั้งแรก วันที่ 12 กันยายน 2552 เวลา 09.47 น. และกลับมาจ่ายก๊าซให้โรงไฟฟ้าจะนะได้ เวลา 15.30 น. รวมเวลาหยุดจ่ายก๊าซ 5 ชั่วโมง 43 นาที จากการหยุดจ่ายก๊าซครั้งนี้ ทำให้มีก๊าซที่คุณภาพไม่เหมาะสมจำนวนหนึ่งส่งมาที่โรงไฟฟ้าจะนะ ทำให้ กฟผ. ต้องหยุดผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าจะนะ ส่วน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2552 เกิดเหตุแหล่งก๊าซ JDA -18 หยุดจ่ายก๊าซอีกครั้งระหว่างเวลา 17.14 ถึงเวลา 02.35 น. ของวันที่ 14 กันยายน 2552 รวมหยุดจ่ายก๊าซไป 9 ชั่วโมง 14 นาที
สำหรับแหล่งเยตากุนนั้น มีการปฏิบัติงานย้ายแท่นเจาะส่งผลให้ต้องลดการจ่ายก๊าซลง 2 ครั้ง คือครั้งแรกวันที่ 12 กันยายน 2552 เวลา 11.30 น. และจ่ายก๊าซเข้าระบบได้เป็นปกติ เวลา18.30 น. ครั้งที่ 2 วันที่ 13 กันยายน 2552 เวลา 01.40 น. และจ่ายก๊าซเป็นปกติในเวลา 10.55 น.
นายวิรัช กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของภาคใต้และของประเทศ ทำให้ กฟผ. ต้องปรับแผนการผลิตไฟฟ้าใหม่ โดยเพิ่มการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี ต้องซื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียมาเสริมระบบ และเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันเตาที่โรงไฟฟ้าราชบุรี ทั้งนี้เพื่อรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศและรองรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น