กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--ซิลเลเบิล
นายกสมาคมอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ชี้แนวโน้มการพัฒนาภาคบริการการศึกษานานาชาติของไทยสดใสจากผลของการรวมกลุ่มความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจของกลุ่มประชาชาติในภูมิภาคต่าง ๆ และการพัฒนาของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ดร.มัทนา สานติวัตร อธิบการดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในฐานะนายกสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์และการพัฒนาของการศึกษานานาชาติของไทยระดับอุดมศึกษาในปัจจุบันได้มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดและเติบโตต่อเนื่องตามกระแสโลกที่มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างกว้างขวาง ทำให้การเชื่อมโยงกับต่างประเทศง่ายขึ้น
ขณะเดียวกันการเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การรวมกลุ่มของประเทศต่าง ๆ เช่น อาเซียน สหภาพยุโรป และอื่น ๆ ที่เริ่มจากความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจก็จะเชื่อมโยงต่อมาถึงด้านการศึกษา ส่งเสริมให้เกิดการเคลื่อนที่ของนักศึกษา รวมทั้งส่งเสริมให้แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน หรือให้เทียบโอนหน่วยกิตได้ ดังเช่นผลจากการประชุมจนมีข้อตกลง Bologna Accord ในปี ค.ศ. 1999 ซึ่งเป็นความพยายามของกลุ่มประเทศยุโรปในการพัฒนาการศึกษาให้ได้มาตรฐานและเทียบโอนกันได้
“ในวงการศึกษาถือกันว่าผู้ที่จบการศึกษาไม่ใช่คนของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นพลเมืองของโลก จึงควรมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนสถานที่ศึกษา เพื่อไปสัมผัส ไปเรียนรู้วิถีชีวิตของประเทศอื่น ทำให้การศึกษานานาชาติเคลื่อนไหวและเฟื่องฟู ในกรณีของประเทศไทยที่มีการรวมกลุ่มกับประเทศสมาชิกอาเซียน ก็มีเรื่องความร่วมมือด้านการศึกษาตามมาเช่นกัน อีกทั้งในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค ก็มีโครงการ University Mobility in Asia Pacific หรือ UMAC ที่สนับสนุนการเคลื่อนที่ของนักศึกษาในลักษณะแบบเดียวกับ Bologna Accord ซึ่ง UMAC เป็นเครือข่ายสำคัญที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวทางด้านการศึกษานานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแลกเปลี่ยนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่อยู่ในภูมิภาค ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือ สกอ. ก็มีการสนับสนุนการแลกเปลี่ยนนักศึกษา เช่น มีตั๋วเครื่องบินให้พร้อมเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งแต่เดิมเคยสนับสนุนเฉพาะมหาวิทยาลัยรัฐ แต่ปัจจุบันได้รวมถึงมหาวิทยาลัยนานาชาติด้วย”
จากทิศทางข้างต้นทำให้เห็นว่าการใช้ภาษาอังกฤษมีส่วนสำคัญมาก จึงนำมาสู่การขยายตัวด้านการเรียนการสอนที่ใช้ภาษาอังกฤษในประเทศไทย จะเห็นได้ว่ามีโรงเรียนนานาชาติเพิ่มมากขึ้นและ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก็เพิ่มโครงการภาคภาษาอังกฤษ รวมทั้งมีการจัดหลักสูตรเชื่อมโยง เรียนรู้แบบเจาะลึกมากขึ้น ในด้านคุณภาพของการศึกษานานาชาติระดับอุดมศึกษาของไทยต้องถือว่าพัฒนาได้รวดเร็วกว่าประเทศอื่นในภาคพื้นนี้ ยกเว้นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง หลักสูตรที่เป็นที่นิยมของนักศึกษาต่างชาติ
ส่วนใหญ่เป็นด้านการค้าการบริการระหว่างประเทศ ศิลปะ ภาษา วรรณกรรมและวัฒนธรรม ส่วนนักศึกษาไทยก็นิยมเข้าเรียนด้านการค้า การบริการ และนิเทศศาสตร์
ดร.มัทนา กล่าวอีกว่า ในแต่ละมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนจะมีการเชื่อมโยงกับสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของโลกเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น และในทำนองเดียวกันสถาบันการศึกษาของต่างประเทศก็มีเครือข่ายในประเทศไทย ทำให้การเชื่อมโยงกันในทุกบริบท เช่นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีการเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีนและสหรัฐฯ
หรือมหาวิทยาลัยกรุงเทพมีการเชื่อมโยงกับ Babson College ของสหรัฐฯ ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการสร้างผู้ประกอบการ
สำหรับการเข้ามาเรียนในระดับอุดมศึกษานานาชาติในไทย ได้มีนักศึกษาจากยุโรปเข้ามาจำนวนมาก เนื่องจากสหภาพยุโรปมีทุนที่สนับสนุนให้นักศึกษาไปเรียนในประเทศต่าง ๆ ในส่วนของนักศึกษาจีนส่วนใหญ่นิยมไปประเทศอังกฤษมากอันดับหนึ่ง รองลงมาคือสหรัฐฯ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และประเทศในเอเชีย ซึ่งมีเป้าหมายมาที่ประเทศไทย เพราะระยะทางไม่ไกล วัฒนธรรมคล้ายกัน และประเทศไทยไม่มีข้อจำกัดด้านศาสนา ยกเว้นในกรณีที่สถานการณ์การเมืองไทยไม่นิ่งเพียงเรื่องเดียวอาจที่อาจจะทำให้นักศึกษาจีนไม่อยากมา
ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ และกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ได้มีความพยายามดึงดูดกลุ่มนักศึกษาจากประเทศเพื่อนบ้านในเอเซีย โดยเฉพาะจีนซึ่งมีพลเมืองจำนวนมาก เป้าหมายถัดไปคือสหภาพยุโรปที่มีความหลากหลายของชาติพันธุ์ ส่วนประเทศอินเดียแม้ว่ามีประชากรจำนวนมาก แต่ในช่วง 5-10 ปีนี้เชื่อว่านักศึกษาอินเดียจะยังคงไม่มาศึกษาในที่ประเทศไทยมากนัก เพราะเป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษมากกว่าไทยอยู่แล้ว และยังมีความก้าวหน้าทางวิชาการที่โดดเด่น เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ ในบังกาลอร์ ซึ่งถือเป็นแหล่งที่คนชาติอื่นต้องการเข้าไปเรียนรู้
ในส่วนของการประชาสัมพันธ์ สถาบันการศึกษานานาชาติของไทยมักจะสื่อสารผ่านเว็บไซต์ของตนเอง ทั้งนี้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการส่งออก และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้ร่วมมือกันดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องทั้งในด้านการนำสถาบันอุดมศึกษาของไทยไปเปิดตัวในประเทศต่าง ๆ และการจัดงานนิทรรศการการศึกษานานาชาติของไทยเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้จะจัดงาน Thailand International Education Exhibition 2009 : TIEE 2009 ขึ้นในระหว่างวันที่ 9-11 ตุลาคม 2552 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้แนวคิด “Asia’s Hub of International Education”
กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ โดย บริษัท ซิลเลเบิล จำกัด
ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อเผยแพร่ข่าว กรุณาติดต่อ
คุณสมคิด เจริญศักดิ์/ คุณภาราดา เกียวจันทึก โทร. 0 2254 6895-7 โทรสาร 0 2255 446