ผลสำรวจความคิดเห็นเผยอาเซียนเรียกร้องข้อตกลงโลกร้อนและต้องการให้ประธานาธิบดีโอบามามีบทบาทนำ

ข่าวทั่วไป Thursday September 17, 2009 14:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--กรีนพีซ ความคิดเห็นของสาธารณชนในประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียมอบความหวังของการมีข้อตกลงว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกไว้ที่คนๆหนึ่งนั่นก็คือประธานาธิบดีบารัค โอบามา จากผลการสำรวจความคิดเห็นใหม่ล่าสุดระบุว่า ร้อยละ 53 มีความเห็นว่าข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่นครโคเปนเฮเกนในเดือนธันวาคมนี้ขึ้นอยู่กับภาวะความเป็นผู้นำของประธานาธิบดีสหรัฐ ตามมาด้วยประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโนแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย(ร้อยละ 15) และประธานาธิบดีมาโมฮาน ซิงห์แห่งอินเดีย (ร้อยละ 14) ด้วยถูกมองเห็นว่าเป็นผู้นำที่มีความสำคัญโดยเฉพาะจากผู้ลงคะแนนเสียงให้การสนับสนุนทางการเมือง การสำรวจความคิดเห็นนี้ดำเนินการในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาโดยไซโนเวต (Synovate) หน่วยวิจัยการตลาดชั้นนำแห่งหนึ่งของโลก และเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกองทุนคุ้มครองสัตว์ป่าโลก (WWF), กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ 350.org เพื่อสนับสนุนการรณรงค์ TckTckTck ซึ่งเป็นแนวร่วมขององค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าประชาชนในประเทศจีน อินดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และประเทศไทยหวังที่จะเห็นผู้นำของตนมีพันธะกรณีต่อปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศในการประชุมสหประชาชาติที่นิวยอร์คและการประชุม G20 ในพิทสเบิร์กในปลายเดือนกันยายนนี้ ความคิดเห็นจากการสำรวจเชื่อว่า ประเทศที่มีศักยภาพความเป็นผู้นำมากที่สุดจะเป็นประเทศที่ยากที่สุดในการทำให้เกิดข้อตกลงใด ๆ ที่โคเปนเฮเกน ที่น่าแปลกใจคือ ร้อยละ 43 ของความคิดเห็นระบุว่าเป็นประเทศจีน แกนนำกลุ่มประเทศ G77 ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 38 อินเดียร้อยละ 33 ญี่ปุ่นร้อยละ 25 รัสเซียร้อยละ 24 แอฟริกาใต้ร้อยละ 20 บราซิลร้อยละ 18 สหราชอาณาจักรร้อยละ 17 เยอรมนีร้อยละ 16 เม็กซิโกร้อยละ 15 ฝรั่งเศสร้อยละ 14 และแคนาดาร้อยละ 10 “คนในประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียคิดว่ามีบางประเทศสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้” คิม คาสเตนเซน หัวหน้าโครงการด้านโลกร้อนของกองทุนคุ้มครองสัตว์ป่าโลกกล่าว “ถ้าสหรัฐอเมริกา จีนและอินเดียร่วมกันแสดงศักยภาพภาวะผู้นำตามที่คนในเอเชียต้องการจะเห็น การประชุมที่โคเปนเฮเกนจะก่อให้เกิดข้อตกลงระดับโลกที่ปกป้องโลกจากหายนะของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะการปกป้องประเทศที่ยากจนและมีความล่อแหลมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเอเชีย” ชาวเอเชียแสดงการเรียกร้องอย่างแข็งขันที่จะมีการปฏิบัติการจากประเทศที่มีบทบาทสำคัญทั้งหมดและเรียกร้องให้ประเทศซีกโลกเหนือและใต้รวมพลังแก้ไขปัญหาระดับโลกร่วมกัน ในขณะที่ความคิดเห็นร้อยละ 73 มองว่าประเทศร่ำรวยต้องมีบทบาทนำในการต้านสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “เพราะมีความรับผิดชอบทางประวัติศาสตร์ในการเป็นผู้ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมามากที่สุดและขณะเดียวกันมีความสามารถในการลดการปล่อยก๊าซอีกด้วย ความคิดเห็นร้อยละ 68 ชี้ว่าประเทศกำลังพัฒนาต้องร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามนี้ด้วย “เพราะว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาได้เพิ่มความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศให้มากขึ้นและต้องปรับทิศทางจากแบบจำลองการพัฒนาที่สกปรกไปสู่การพัฒนาที่สะอาด อย่างไรก็ตาม คนในประเทศที่มีการสำรวจความคิดเห็นก็ต้องการให้รัฐบาลของพวกเขาลงมือทำด้วย โดยร้อยละ 79 บอกว่า “ไม่ว่าประเทศอื่น ๆ ที่จะทำอะไรหรือมีความรับผิดชอบทางประวัติศาสตร์อย่างไร ฉันต้องการให้รัฐบาลของเราลงมือทำและแสดงภาวะความเป็นผู้นำเพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศ” ชัยเลนดรา ยัสวัน ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวว่า “การสำรวจความคิดเห็นได้สะท้อนถึงความต้องการและปัญญาของชาวเอเชียในภาคเมืองที่มีลักษณะร่วมกัน ส่งสัญญานที่ชัดเจนไปยังผู้นำของประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งประธานาธิบดีโอบามาให้ร่วมมือกับประเทศกำลังพัฒนาในการสร้างข้อตกลงที่เป็นธรรมและการจัดแบ่งความรับผิดชอบที่เหมาะสมในการตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การประชุมรอบพิเศษของสมัชชาสหประชาชาติที่นิวยอร์กในวันที่ 22 กันยายนนี้คือโอกาสของผู้นำโลกในการลงมือทำตามพันธะกรณีที่เสนอโดยประชาชนและการปฏิบัติการอย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อยุติการทำลายป่าอันเป็นการลดการปล่อยก๊าซอันดับแรกสุด ร้อยละ 59 ต้องการเห็นรัฐบาลของตนเข้าร่วมอย่างแข็งขันในการประชุมที่โคเปนเฮเกน แต่จะต้องไม่เปิดช่องให้มีเกิดการฉวยโอกาส พวกเขาเห็นว่าการได้มาซึ่งข้อตกลงนั้นมีความสำคัญ แต่ต้องมีความเป็นธรรม มีการปกป้องสิทธิในการพัฒนาของประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ ร้อยละ 29 ยังเห็นเพิ่มเติมและเรียกร้องให้รัฐบาลของตนมีความยืดหยุ่นและประนีประนอม พวกเขาเห็นด้วยว่า “มีข้อตกลงเกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนี่ไม่ใช่เวลาของการขัดขวางเพื่อให้ได้มาแต่ผลประโยชน์ส่วนตน ฉันต้องการให้ประเทศของเราเป็นผู้นำและคิดว่าเราสามารถให้ได้มากกว่านี้” มีเพียงร้อยละ 12 ของคนเมืองในเอเชียที่เชื่อว่าข้อตกลงใด ๆ ที่ออกมาจะเป็นข้อตกลงที่แย่ ดังนั้น รัฐบาลของพวกเขาไม่ควรไปลงนาม เจมี่ เฮน ผู้ประสานงานภาคพื้นเอเชียตะวันออกของกลุ่ม 350.org กล่าวว่า “ข้อเรียกร้องสำหรับรัฐบาลเพื่อทำงานให้เกิดข้อตกลงที่มีผลบังคับใช้ มุ่งมั่นและเป็นธรรมมาจากความเข้าใจที่ชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นวิกฤตของปํจจุบัน ไม่ใช่ปัญหาของอนาคต การสำรวจความคิดเห็นชี้ว่าประชาชนต่างกังวลเรื่องผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่พวกเขารู้ว่ามันมีทางออก” เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีการคาดการณ์โดยนักวิทยาศาสตร์ ชาวเอเชียวิตกกังวลถึงวิกฤตน้ำมากที่สุด (ร้อยละ 32) และภาวะสุขภาพที่เลวร้ายลง (ร้อยละ 20) และวิกฤตอาหาร (ร้อยละ 17) เป็นสิ่งสะท้อนที่ชัดเจนของผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย การยุติการทำลายป่าไม้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอันดับต้นของคนเอเชียเพื่อพิจารณาถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร้อยละ 39 บอกว่านี่เป็นทางออกหลักเพื่อสร้างความสมดุลให้กับระบบภูมิอากาศ ร้อยละ 28 คิดว่าต้องมีการปฏิบัติการในภาคพลังงานเป็นลำดับแรก โดยการขยายเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน ดำเนินการมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานและเปลี่ยนแปลงแนวทางการขนส่งที่มีมลพิษน้อยลง ร้อยละ 17 บอกว่าการให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการเปลี่ยนแปลงแบบแผนการดำรงชีวิตและการบริโภค ร้อยละ 16 บอกว่าแผนปฏิบัติการในภาคเกษตรกรรมเป็นทางออกที่สำคัญอันดับต้น การสำรวจความคิดเห็นนำเสนอสู่สาธารณะชนก่อนการประชุมเวทีของกลุ่มประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในกรุงวอชิงตัน(17-18 กันยายน) การประชุมสุดยอดผู้นำว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสมัชชาสหประชาชาติในกรุงนิวยอร์ก(21-22 กันยายน) และการประชุมสุดยอด G20 ในพิสเบอร์ก(24-25 กันยายน) การประชุมเจรจาโลกร้อนจะมีขึ้นที่กรุงเทพมหานครในวันที่ 28 กันยายนเป็นต้นไป และความก้าวหน้าจากการประชุมที่กรุงเทพฯ จะขึ้นอยู่กับผลจากการประชุมต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา หมายเหตุบรรณาธิการ - รายงานสรุประดับภูมิภาคและกรณีศึกษาในจีน อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และประเทศไทยนั้นรวมถึงกราฟที่นำเสอนข้อมูลทั้งในระดับประเทศและภูมิภาคสามารถดาวน์โหลดจาก : http://www.panda.org/climate/press - กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจความคิดเห็นในจีน(รวมฮ่องกง) อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และไทย มีจำนวน 6063 ตัวอย่าง เป็นการสำรวจในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา - สัดส่วนเพศของกลุ่มตัวอย่างมีเกือบเท่ากัน อยู่ระหว่างร้อยละ 47 ถึงร้อยละ 53 ขึ้นอยู่กับประเทศ - อายุของกลุ่มตัวอย่างอยู่ระหว่าง 15 และ 64 ปี โดยส่วนใหญ่มีการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายและมหาวิทยาลัย - ขอบเขตของความผิดพลาดในการสำรวจความคิดเห็นคือร้อยละ 1.3 สำหรับขนาดกลุ่มตัวอย่าง 6000 โดยมีขอบเขตความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95 โครงการรณรงค์ Tcktcktck เป็นการรวมตัวขององค์กรภาคเอกชนที่ไม่แสวงหาผลกำไรด้านต่างๆ เช่น ศาสนา สหภาพแรงงาน และบุคคลต่างๆ ที่เห็นตรงกันว่าช่วงเวลานี้จำต้องมีการเรียกร้องให้รัฐบาลบรรลุข้อตกลงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อปกป้องโลกจากผลกระทบที่ทำลายความเป็นอยู่และชีวิตมนุษย์ ในขณะที่ผู้นำชาติต่างๆ เตรียมตัวเจรจาเรื่องนี้ที่โคเปนเฮเกนในเดือนธันวาคม ทีมงาน Tcktcktck จะเป็นกระบอกเสียงให้ผู้คนที่ได้รับผลกระทบเพื่อว่าข้อตกลงนานาชาติชิ้นใหม่นี้จะเห็นผลชัดเจน เป็นธรรมและมีเป้าหมายที่สะท้อนความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์ www.tcktcktck.org ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ คริสเตียน เทอเรียท ผู้จัดการฝ่ายสื่อ เอชียแปซิฟิก กองทุนคุ้มครองสัตว์ป่าโลก โทร +852-93106805 อีเมล cteriete@wwf.org.hk ชัยเลนดรา ยัสวัน ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โทร +66-816670103 อีเมล shailendra.yashwant@greenpeace.org เจมี เฮน ผู้ประสานงานฝ่ายรณรงค์ เอเชียตะวันออก 350.org โทร +1-415-601-9337 อีเมล Jamie@350.org ไดน่าห์ ฟูเอ็นเตสฟิน่า โฆษกโครงการรณรงค์ TckTckTck โทร +66-818096966 อีเมล dinahgcca@gmail.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ