กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
ใครๆ ก็อยากมีผิวสดใส เปล่งปลั่ง ดูมีสุขภาพดี การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจึงกลายเป็นกิจกรรมที่คนรักผิวปฏิบัติจนเคยชิน อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เคยใช้ได้ดีมานาน วันหนึ่งอาจรู้สึกว่าไม่สามารถบำรุงได้อย่างเพียงพออีกแล้ว เนื่องจาก อายุเพิ่ม ร่างกายก็เกิดความเสื่อมเพิ่ม และครีมบำรุงผิวก็สามารถดูแลได้เพียงผิวชั้นนอก หรือ 1/3 ของผิวเท่านั้น ทำอย่างไรจึงจะต่อสู้กับปัญหาผิวเหล่านี้ สถาบันการเรียนรู้และฝึกอบรมอาวียองซ์ อะคาเดมี จึงได้นำความรู้ดีๆ เพื่อการดูแลผิวแบบองค์รวมมาให้คนรักผิวได้ปฏิบัติ
ภก. ดร. พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์ ผู้จัดการฝ่ายฝึกอบรมผลิตภัณฑ์ และ อาวียองซ์ อะคาเดมี ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูงของยูนิลีเวอร์ กล่าวว่า “แน่นอนว่าสมัยเด็ก ร่างกายทำงานได้ดีทั้ง การไหลเวียนของเส้นเลือดใต้ผิวหนัง (Microcirculation) ทำให้ผิวดูสดใส มีเลือดฝาดเองตามธรรมชาติ ผิวชุ่มชื้น แผลหายเร็ว แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นระบบต่างๆ เหล่านี้ก็มีความถดถอยลงไป บวกกับสภาวะมลพิษต่างๆ รอบตัว และตัวการสำคัญที่บั่นทอนผิวพรรณอย่าง อนุมูลอิสระ (Free Radical) ที่มากับแสงแดดและความเครียดทำให้การสร้างเม็ดสีผิวผิดปกติ เกิดความหมองคล้ำ กระฝ้า ส่งผลต่อคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิว ทำให้เกิดการสูญเสียความชุ่มชื่นและริ้วรอยตามมา การดูแลด้วยครีมบำรุงที่ภายนอกจึงอาจไม่เพียงพออีกต่อไปเมื่ออายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากครีมบำรุงดูแลได้เพียงผิวชั้นนอก หรือ 1/3 ของผิวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ แนวโน้มในการดูแลผิวในยุคนี้จึงหันมาให้ใสใจแบบองค์รวม คือ การดูแลผิวภายนอก ควบคู่ไปกับการดูแลจากภายใน หรือ Beauty from Within เช่น ดื่มน้ำบริสุทธิ์ การพักผ่อนที่เพียงพอ การทำจิตใจให้ผ่องใส การออกกำลังกาย รวมไปถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ แต่เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน กินผักผลไม้ไม่มากพอ กลับไปเน้นอาหารทอด มัน และหวานมากขึ้นแทน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือที่เรียกว่า Nutraceutical จึงกลายเป็นส่วนช่วยเสริมสุขภาพและความงามได้ทางหนึ่ง”
“สำหรับผิวพรรณ มีการวิจัยสารอาหารเพื่อการบำรุงผิวจากภายในอยู่มากมาย โดยเฉพาะในกลุ่ม สารต้านอนุมูลอิสระ หรือแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) เพื่อจัดการต้นเหตุของหลายๆ ปัญหาผิว ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี สารสกัดจากชาเขียว เมล็ดองุ่น เป็นต้น ซึ่งต่อมามีการศึกษาพบสารสกัดจากธรรมชาติอีกหลายชนิดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้านอนุมูลอิสระและลดการสร้างเม็ดสีผิวที่หมองคล้ำได้ เช่น สารสกัดจากผลทับทิม สารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์ ซึ่งการใช้สารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิดร่วมกันมักจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้สารสกัดเพียงชนิดเดียว นอกจากนี้ยังค้นพบว่า สารสกัดจากธรรมชาติบางชนิดยังสามารถช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดใต้ผิวหนัง (Microcirculation) ได้ด้วย เช่น สารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์ ,
สารสกัดจากใบแปะก๊วย ที่ช่วยให้เซลล์ผิวได้รับออกซิเจนและอาหารได้เต็มที่ ช่วยในการกำจัดของเสียที่คั่งค้างในชั้นผิวออกไปได้ดีขึ้น ส่งผลให้ผิวสดใส ไม่หมองคล้ำ ดูมีเลือดฝาด”
“ทั้งนี้ การรับประทานอาหารเสริมอาจเป็นทางเลือกหนึ่งของคนที่ไม่อยากแก่ก่อนวัย แต่เพื่อความปลอดภัยควรจำเป็นต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างรอบคอบจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ มีเครื่องหมาย อ.ย. และมีการทดสอบประสิทธิผลยืนยัน โดยต้องไม่ลืมรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำบริสุทธิ์ การพักผ่อนที่เพียงพอ การทำจิตใจให้ผ่องใส การออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย” ภก. ดร. พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์ ผู้จัดการฝ่ายฝึกอบรมผลิตภัณฑ์ และ อาวียองซ์ อะคาเดมี ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูงของยูนิลีเวอร์ กล่าวปิดท้าย
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร.0-2434-8300
คุณสุจินดา , คุณแสงนภา , คุณชินนารี