กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เอฟทีเอไทย — สหรัฐฯ รอบห้า วันที่ 4 ทีมเจรจาไทยฉวยโอกาสจากการเจรจา ให้มีการคุ้มครองลิขสิทธิ์ของไทยทั่วโลกบนสื่ออินเทอร์เน็ท โดยการเจรจารอบต่อไปคาดหารือรายละเอียดจูงใจผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ทดูแลไม่ให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์ ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อม สหรัฐฯ ยินยอมให้ไทยใช้กฎหมายไทยกำกับดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม
นายนิตย์ พิบูลสงคราม หัวหน้าคณะเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย — สหรัฐฯ เปิดเผยถึงผลการเจรจาในวันที่สี่ (29 ก.ย. 48) จากทั้งหมด 5 วัน ว่า วันนี้มีการหารือหลายเรื่องต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ (28 ก.ย. 48) ประกอบด้วยเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา เรื่องแรงงานและสิ่งแวดล้อม เรื่องมาตรฐานสุขอนามัยพืชและสัตว์
โดยในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ได้มีการหารือกันถึงเรื่องคุ้มครองลิขสิทธิ์บนสื่ออินเทอร์เน็ท ซึ่งทั้งสองฝายต่างเห็นตรงกันในหลักการที่จะให้สิ่งจูงใจเพื่อให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ท (Internet Service Provider: ISP) ให้ความร่วมมือในการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ด้วยวิธีการอย่างไรนั้นจะมีการหารือกันต่อไป ซึ่งในประเด็นนี้ จะช่วยให้เกิดการคุ้มครองลิขสิทธิ์ของไทยทั้งในและต่างประเทศมากยิ่งขึ้นด้วย
นอกจากนี้ก็มีการหารือในเรื่องธุรกิจเคเบิลทีวี ซึ่งในกรณีของเคเบิลทีวีนั้น ประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานผู้รับผิดชอบโดยตรง เพราะยังไม่มีการจัดตั้งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) ขึ้นมาดูแลธุรกิจสถานีวิทยุและโทรทัศน์ในประเทศไทย ส่วนเรื่องเครื่องมือที่ใช้ในการละเมิดสื่อสารทางอินเทอร์เน็ทยังถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับไทย จึงจะมีการหารือกันในครั้งต่อไป
สำหรับในวันพรุ่งนี้ (30 กันยายน 48) จะมีการหารือในเรื่องเครื่องหมายการค้า สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ การคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนการเป็นเจ้าของร่วมกัน Co-ownership และการแบ่งปันผลประโยชน์จากการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยไปวิจัยพัฒนาเชิงพาณิชย์
ส่วนผลการหารือเรื่องแรงงานและสิ่งแวดล้อมนั้น เป็นที่น่าพอใจของทั้งสองฝ่าย โดยเรื่องแรงงาน สหรัฐฯ ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือไทย ทั้งการส่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ มาฝึกอบรม และให้เจ้าหน้าที่ไทยไปเข้าร่วมการฝึกอบรมเรื่องแรงงานสัมพันธ์ การคุ้มครองแรงงาน และความปลอดภัยของแรงงาน นอกจากนี้ ฝ่ายสหรัฐฯ ยังเห็นด้วยกับการใช้กฎหมายของไทยในการกำกับดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่จำเป็นที่จะต้องนำกฎหมายของสหรัฐฯ มาบังคับใช้ในการดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมของไทยแต่อย่างใด และยังได้มีการหารือถึงการจัดตั้งกองทุนเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาทางด้านแรงงานและสิ่งแวดล้อมของไทย ส่วนรายละเอียดในการนำเงินจากกองทุนไปพัฒนาอย่างไรนั้น จะมีการหารือกันในครั้งต่อไป
การหารือเรื่องมาตรฐานสุขอนามัยพืชและสัตว์นั้น สหรัฐฯ ได้ยอมบรรจุการจัดตั้งกลไกในการที่ทั้งสองฝ่ายหาทางแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคทางการค้าสินค้าเกษตรที่ประสบปัญหามาตรฐานสุขอนามัยในร่างของสหรัฐฯ และมีท่าทียืดหยุ่นให้มีข้อกำหนดช่วงเวลาที่แน่นอนในการจัดตั้งกลไกหลังจากลงนามความตกลง
อย่างไรก็ตาม ทีมเจรจาฝ่ายไทยได้ปฏิเสธที่จะรับข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ต้องการให้มีการขยายอายุความคุ้มครองจากห้าสิบเป็นเจ็ดสิบปีหรือเก้าสิบปี รวมทั้งไม่รับข้อเสนอที่ห้ามการนำเข้าสินค้าที่ไทยไม่มีลิขสิทธิ์ โดยสหรัฐฯ ต้องการให้เจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้นที่สามารถนำเข้ามาในประเทศไทยได้ ซึ่งถือว่าขัดกับหลักการของไทยและองค์การการค้าโลก--จบ--