กรุงเทพฯ--18 ก.ย.--กทม.
ดีเดย์มาตรการทิ้ง จับ ปรับ 1 ต.ค.นี้ โทษปรับ 100 บาท พร้อมลงพื้นที่ 50 เขต เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตื่นตัวและเกิดความเข้าใจ 22 ก.ย.นี้เป็นต้นไป ด้านรองฯธีระชนย้ำ โครงการปรับปรุงสนามหลวงและบริเวณโดยรอบ ไม่มีการใช้ความรุนแรงอย่างแน่นอน
(17 ก.ย.52) เวลา 14.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานครั้งที่ 10/2552 โดยมีคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการของกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
มอบรางวัลสำนักทะเบียนท้องถิ่นระดับเขตดีเยี่ยมปี 52
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้มอบรางวัลแก่สำนักงานเขตที่ได้รับรางวัลตามโครงการจัดอันดับมาตรฐานสำนักทะเบียนท้องถิ่นเขต พ.ศ.2552 ซึ่งโครงการดังกล่าวจัดขึ้นตามนโยบายของกรุงเทพมหานครที่ต้องการให้ความสำคัญด้านการบริการงานทะเบียนให้แก่ประชาชน โดยให้สำนักงานทะเบียนท้องถิ่นของทั้ง 50 สำนักงานเขตที่ให้บริการงานด้านการทะเบียนทำการปรับปรุงคุณภาพการทำงาน โดยแบ่งเกณฑ์ตัวชี้วัดออกเป็น 33 ตัวชี้วัด โดยเขตจะทำการประเมินตนเองในเบื้องต้นก่อน จากนั้นคณะกรรมการตรวจประเมินจะทำการประเมินอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งการทดสอบความรู้ของบุคลากรที่ให้การบริการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งในปี 52 มีบุคลากรระดับ 1-5 และระดับ 6-7ว ได้รับรางวัลบุคลากรดีเด่นจำนวนทั้งสิ้น 6 คน และมีสำนักงานเขตที่ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดีเยี่ยมจำนวนทั้งสิ้น 12 เขต ได้แก่ บางเขน บางขุนเทียน หนองแขม พระโขนง สาทร พระนคร ดอนเมือง ป้อมปราบศัตรูพ่าย บางกอกใหญ่ สะพานสูง สวนหลวง และจอมทอง ทั้งนี้กรุงเทพมหานครจะดำเนินการประเมินผลอย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อให้ทุกสำนักงานรักษามาตรฐานในการดำเนินงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
ย้ำจัดระเบียบสนามหลวงไม่มีการใช้ความรุนแรง
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้จัดโครงการปรับปรุงพื้นที่สนามหลวงและพื้นที่โดยรอบ เพื่อเป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์และจัดระเบียบปัญหาคนเร่ร่อน ผู้ที่ขาดแหล่งพักพิง และผู้ค้าหาบเร่แผงลอยด้วย ทั้งนี้จะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป และไม่มีการใช้ความรุนแรง โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ อาทิ ส่วนราชการใกล้เคียง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมูลนิธิสร้างสรรค์ไทย เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขเกิดเป็นรูปธรรมให้ได้มากที่สุด
เตรียมอุปกรณ์ บุคลากรพร้อมปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนในช่วงหน้าฝน
สำหรับการเตรียมความพร้อมให้ประชาชนในช่วงหน้าฝน กรุงเทพมหานครได้เตรียมในการให้ความช่วยเหลือบุคลากรที่ได้รับความเดือดร้อน ทั้งการจัดเตรียมอุปกรณ์และบุคลากรให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลาและให้ทั่วถึง โดยในเบื้องต้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสำรวจอุปกรณ์ที่จำเป็นและเตรียมความพร้อมในการขุดลอกท่อระบายน้ำ คู คลองทุกพื้นที่ และการดูแลตัดแต่งกิ่งต้นไม้ใหญ่ต่างๆ เพื่อป้องกันการหักหล่นซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ ทั้งนี้หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือให้ประสานงานได้โดยตรงที่สำนักงานเขตทั้ง 50 แห่ง
1 ต.ค.เริ่ม “มาตรการทิ้ง จับ ปรับ” ฝ่าฝืนจับปรับ 100 บาท
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงมาตรการทิ้ง จับ ปรับที่กรุงเทพมหานครจะเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ต.ค.นี้ว่า กรุงเทพมหานครจะเริ่มดำเนินการประชาสัมพันธ์ ”มาตรการทิ้ง จับ ปรับ” ในทุกพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่ 22 ก.ย.นี้เป็นต้นไป และจะเริ่มดำเนินการจับปรับผู้ที่ทิ้งขยะอย่างเป็นทางการวันที่ 1 ต.ค. โดยกำหนดให้มีโทษปรับ 100 บาทก่อน เพื่อเป็นการเตือนประชาชน สำหรับโทษปรับจริงที่ประชาชนจะได้รับหากมีการทิ้งขยะในสถานที่สาธารณะคือปรับสูงสุด 2,000 บาท และหากทิ้งขยะลงในคู คลองมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท อย่างไรก็ตามคาดว่าหากมีการประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบอย่างเต็มพื้นที่แล้วจะทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจและตื่นตัว ส่งผลให้มีจำนวนผู้กระทำผิดไม่มากอย่างแน่นอน
สำนักอนามัยร่วมกับ 50 เขตดูแลสุขภาพผู้ใช้แรงงาน
กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการโครงการกรุงเทพฯห่วงใย ใส่ใจผู้ใช้แรงงาน โดยมอบหมายให้สำนักอนามัย และสำนักงานเขตทั้ง 50 แห่ง ร่วมกันดูแลประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ซึ่งจากการสำรวจพบว่า มีสำนักงานเขตที่มีพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมด 48 เขต รวมจำนวน 231 แห่ง และมีผู้ใช้แรงงานรวมทั้งสิ้น 12,018 คน โดยสำนักอนามัยและสำนักงานเขตได้เริ่มดำเนินการด้านสุขอนามัยตั้งแต่มิ.ย.-ส.ค.52 แบ่งเป็นการดำเนินงานของสำนักอนามัย 4 ด้าน ได้แก่ บริการด้านการสร้างเสริมสุขภาพการป้องกันโรค ด้านการตรวจการรักษาโรคทั่วไปและเอกซเรย์ปอด ด้านการควบคุมโรค ด้านการบริการให้คำแนะนำด้านสวัสดิการรักษาพยาบาล และสำนักงานเขตได้ลงพื้นที่ให้บริการ 4 ด้านเช่นเดียวกัน ได้แก่ ด้านการแนะนำการศึกษาให้แก่บุตรหลานของผู้ใช้แรงงาน ด้านความปลอดภัยของชีวิต ด้านการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม และด้านการฝึกอาชีพ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การตรวจสุขภาพของผู้ใช้แรงงานที่เข้ามาทำงานในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นมาตรการสำคัญอย่างหนึ่งในการเฝ้าระวังการระบาดของโรคต่างๆ เนื่องจากจำนวนผู้ใช้แรงงานเหล่านี้ไม่หยุดนิ่ง มีการเคลื่อนย้ายตลอดเวลา ทำให้การควบคุมดูแลการแพร่ระบาดของโรคติดต่อทำได้ยาก การเฝ้าระวังดังกล่าวจะเป็นการดำเนินการเชิงรุก อย่างน้อยจะช่วยให้ประชาชนเกิดความตื่นตัวและตระหนักในการรักษาสุขอนามัยเพื่อความปลอดภัยทั้งของตนเองและคนในครอบครัว
29 ก.ย.ซ้อมแผนรับสาธารณภัยด้านการแพทย์
กรุงเทพมหานครเตรียมพร้อมซ้อมแผนปฏิบัติรับสาธารณภัยด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ในวันที่ 29 ก.ย.นี้ เพื่อบูรณาการระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินของกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร รัฐบาลและเอกกชน ร่วมเป็นเครือข่าย แบ่งเป็น 9 โซน มีศูนย์เอราวัณ สังกัดสำนักการแพทย์กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางในการรับผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ป่วยอุบัติเหตุทั้งหมด โดยการซ้อมแผนดังกล่าวนอกจากจะเป็นการบูรณาการแผนปฏิบัติที่ใช้ในการรับสาธารณภัยด้านการแพทย์ฉุกเฉินแล้ว ยังจะช่วยให้เกิดการปรับปรุงในการเตรียมความพร้อมของแผนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
รัฐบาลขานรับโครงการยิ้มสู้ กู้สร้างอาชีพของกทม.
นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงผลการดำเนินโครงการธนาคารประชาชน (ยิ้มสู้ กูสร้างอาชีพ)ว่า โครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับจากประชาชน และประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี โดยสรุปผลการดำเนินงานของเดือนส.ค.พบว่า มีผู้ที่ได้รับการอนุมัติจากธนาคารออมสินรวม 10,975 คน รวมจำนวนเงิน 484.99 ล้านบาท และผู้ที่ได้รับการอนุมัติจากธนาคารอิสลามรวม 245 คน รวมจำนวนเงิน 4.8 ล้านบาท และยังมีบางรายที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ทั้งนี้ธนาคารออมสินจะมีการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้ประชาชนต่อไป เนื่องจากมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก และคาดว่าจะสามารถบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันได้ นอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังได้รับความสนใจจากรัฐบาลในการรับไปเป็นโครงการตัวอย่าง เพื่อขยายผลการดำเนินการต่อไป