ฝ่ายวิจัยพลัส เผยตลาดอสังหาฯ ทั้งมือหนึ่งและมือสองเขตหัวหินและชะอำมีแนวโน้มความต้องการสูงขึ้น หลังสำรวจพบความต้องการในตลาดยังมีสูงกว่าจำนวนยูนิตขาย

ข่าวทั่วไป Tuesday May 9, 2006 13:31 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 พ.ค.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
ฝ่ายวิจัยและพัฒนาพลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ ฟันธงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่หัวหินยังมีความคึกคัก โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังผู้ประกอบการกว่า 10 รายแห่เนรมิตรโครงการใหม่ๆ ป้อนตลาดแบบหลากสไตล์ แต่ก็ยังไม่พอต่อความต้องการของตลาด ส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้นรายไตรมาส บริษัท โบรกเกอร์ยิ้มเหตุผู้ซื้อมือหนึ่งโดดแจมการขาย หวังกำไรจากส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นกว่า 10-20% โดยเฉลี่ย เหตุเพราะศักยภาพของหัวหินที่ดึงดูดทั้งผู้ซื้อคนไทยและชาวต่างชาติ
นายกันติทัต มลฑา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ทีมวิจัยของพลัส ได้ลงทำการสำรวจตลาดการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยรวมของพื้นที่หัวหินและชะอำ พบว่า ความต้องการ ณ ปัจจุบันยังมีมากกว่าจำนวนยูนิตที่เสนอขายในตลาด จึงเป็นเหตุให้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งในพื้นที่และบริษัทยักษ์ใหญ่จากกรุงเทพฯ ต่างมุ่งหน้ามาพัฒนาโครงการเพื่อจับความต้องการที่มีอยู่ในเกือบทุกตลาด ตั้งแต่ราคาหลักแสนปลายๆ ถึงระดับเกิน 10 ล้านบาท ซึ่งจากการสำรวจแสดงให้เห็นว่า มีจำนวนโครงการเปิดขายทั้งสิ้น 18 โครงการ จำนวน 1,363 ยูนิต แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 9 โครงการ 878 ยูนิต(64%) โครงการบ้านเดี่ยว 9 โครงการ 485 ยูนิต (36%) ซึ่งคาดว่าตลาดที่พักอาศัยตลอดตลอดทั้งปี 2549 โดยเฉพาะที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมในพื้นที่หัวหิน จะมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณความต้องการในตลาดยังมีอัตราที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดมีไม่มากนัก ซึ่งส่งผลให้ระดับราคาขายจะปรับสูงขึ้นประมาณ 10-20% นอกจากนี้คาดว่าการพัฒนาโครงการใหม่จะกระจายตัวไปสู่พื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มขึ้น เช่น เขาเต่า , เขาตะเกียบ เป็นต้น ส่วนตลาดบ้านเดี่ยว คาดว่าจะทรงตัวเนื่องจากปริมาณยูนิตคงค้างในระบบยังมีอยู่พอสมควร ขณะที่ปริมาณยอดขายจะต่ำกว่าที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม
ภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยวในเขตหัวหินและชะอำ
เมื่อพิจารณาถึงตลาดบ้านเดี่ยวในหัวหิน พบว่า จากจำนวนยูนิตที่เปิดขายทั้งสิ้น 485 ยูนิต มีจำนวนที่พักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยวกว่า 76% (ประมาณ 369 ยูนิต) กระจายโครงการอยู่ในเขตพื้นที่หัวหิน ที่เหลืออีก 24% (จำนวน 116 ยูนิต) อยู่ในพื้นที่ชะอำ สำหรับรูปแบบโครงการโดยทั่วไปจะมี 2 ลักษณะ กล่าวคือ เป็นโครงการเปิดขายเฉพาะบ้านเดี่ยว และโครงการผสมผสานกับที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ซึ่งรูปแบบอย่างหลังมักตั้งอยู่ในบริเวณที่มีพื้นที่ติดชายหาด ซึ่งเป็นจุดขายของที่พักตากอากาศทั่วๆไป อย่างไรก็ตามโครงการใหม่ๆ เริ่มกระจายตัวไปยังพื้นที่ด้านใน (เนินเขา) มากขึ้น เนื่องจากแปลงที่ดินที่ติดชายหาดหัวหินเริ่มลดลง สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มุ่งเน้นคือ กลุ่มลูกค้าจากกรุงเทพฯ นิยมบ้านพักตากอากาศชายทะเล รวมถึงกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อปล่อยเช่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในลักษณะที่พำนักระยะยาว(Long stay) และกลุ่มชาวต่างชาติ เมื่อเปรียบเทียบยอดขายแต่ละพื้นที่ พบว่า พื้นที่หัวหิน มียอดขายคิดเป็น 32 % ของยอดขายทั้งหมด ส่วนพื้นที่ชะอำ มียอดขาย คิดเป็น 59 % ของยอดขายทั้งหมด
สำหรับด้านราคาขาย จากผลการวิจัยพบว่า กลุ่มบ้านเดี่ยวระดับราคา 5-7 ล้านบาท มีจำนวนยูนิตเปิดขายมากที่สุด ทั้งหมด 188 ยูนิต (39%) โดยเป็นโครงการที่มีขนาดแปลงที่ดินอยู่ระหว่าง 129.5-195 ตารางวา และพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 135 -260 ตารางเมตร รองลงมาคือราคามากกว่า 9 ล้านบาท ขนาดแปลงที่ดินอยู่ระหว่าง 61-132 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 197-413 ตารางเมตร มีจำนวน 122 ยูนิต (31%) และราคาตั้งแต่ 3-5 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 94-270 ตารางเมตร มีจำนวน 100 ยูนิต (21%) และน้อยที่สุด คือ ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 110-118 ตารางเมตร จำนวน 27 ยูนิต (6%) ทั้งนี้จะเห็นว่าตลาดบ้านเดี่ยว ณ ปัจจุบัน ระดับราคาขายส่วนใหญ่ อยู่ในช่วง 5-7 ล้านบาท แต่ยังมียูนิตเหลือคงค้าง 61% ส่วนกลุ่มราคาระดับ 3-5 ล้านบาทมีสัดส่วนยูนิตเหลือขายมากที่สุด 73% ในขณะที่กลุ่มบ้านเดี่ยวในระดับราคา 7-9 ล้านบาท มีอัตราส่วนยอดขายสูงที่สุด พิจารณาได้จากยูนิตที่เหลือขายเพียง 23% สะท้อนให้เห็นว่าตลาดกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน จะเป็นกลุ่มนิยมบ้านพักตากอากาศชายทะเลมากที่สุด
ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในเขตหัวหินและชะอำ
จากการสำรวจโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่หัวหิน-ชะอำ มีโครงการเปิดขาย 9 โครงการ 878 ยูนิต พื้นที่ชะอำยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด 54% รองลงมาคือ พื้นที่หัวหิน 28% และเขาเต่า 18% สำหรับพื้นที่เขาเต่านั้นนับว่าเป็นพื้นที่ใหม่ ซึ่งความน่าสนใจสำหรับการลงทุนพัฒนาที่พักอาศัยในบริเวณนี้ คือ สภาพแวดล้อมที่มีความสงบเงียบ สภาพการสัญจรของนักท่องเที่ยวยังไม่พลุกพล่าน ฝ่ายวิจัยและพัฒนา ประเมินว่าพื้นที่ดังกล่าวจะสามารถพัฒนาโครงการเพื่อรองรับกลุ่มผู้ซื้อที่ชื่นชอบบรรยากาศเงียบสงบได้อีก
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ