“โอบามา” แถลงกู้วิกฤตสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซเรียกร้องประธานาธิบดีโอบามาตัวจริงแสดงภาวะผู้นำเรื่องโลกร้อน

ข่าวทั่วไป Friday September 18, 2009 15:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ก.ย.--กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใน “คำประกาศแห่งประวัติศาสตร์” ที่หน้าสถานฑูตสหรัฐ ในกรุงเทพฯ วันนี้ “ประธานาธิบดีโอบามา” ให้คำปฏิญญาที่จะกู้วิกฤตสภาพภูมิอากาศโดยมีพันธะกรณีในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้มากที่สุด ทันเวลาและมีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย อย่างมีความมุ่งมั่น เท่าเทียมและเป็นธรรมที่การประชุมสุดยอดโลกร้อนที่โคเปนเฮเกนในเดือนธันวาคมนี้ นอกจากนี้ “โอบามา” ให้คำมั่นในการจัดตั้งกองทุนในการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัว นอกจากนี้ยังจะระดมเงินทุนกว่าพันล้านเพื่อปกป้องป่าไม้ซึ่งเป็นปฏิบัติการการลดการปล่อยก๊าซในลำดับต้นเพื่อยุติวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คำแถลงที่กระชับหากแต่มีความหมายซึ่งนักกิจกรรมรณรงค์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลกต่างรอคอยนั้นมาจากชายอีกผู้หนึ่ง “โอบามา” ที่ว่าจริง ๆ แล้วคือ “โอบามาหน้าเหมือน” เขาคืออิรฮัม อานาส ชาวอินโดนีเซียวัย 34 ปี ที่มีหน้าตาคล้ายกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คำแถลงของเขาเป็นกิจกรรมรณรงค์เชิงสร้างสรรค์โดยกรีนพีซ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Tcktcktck ทั่วโลกเพื่อเรียกร้องให้ผู้นำโลกลงมือทำเพื่อต้านสู้กับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กิจกรรมในวันนี้จัดขึ้นก่อนหน้าการประชุมวาระการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสมัชชาสหประชาชาติในกรุงนิวยอร์คในวันที่ 22 กันยายนนี้ ซึ่ง”โอบามาตัวจริง” จะเข้าร่วม และการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(UNFCCC)ในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งเขายังไม่ยืนยันที่จะเข้าร่วม นายธารา บัวคำศรี ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ประจำประเทศไทย กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “คำแถลงจากโอบามาหน้าเหมือนระหว่างการทำกิจกรรมในวันนี้คือคำสัญญาที่นักกิจกรรมรณรงค์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากทั่วโลกต้องการให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกาทำให้เกิดขึ้น เพื่อกู้วิกฤตโลกร้อน ในบรรดาผู้นำทั้งหลาย ประธานาธิบดีบารัค โอบามา นั้นอยู่ในตำแหน่งที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในด้านสภาพภูมิอากาศได้มากที่สุด เพื่อรับประกันอนาคตของประเทศที่ล่อแหลมมากที่สุดแต่มีการเตรียมการน้อยที่สุดต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างเช่นภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลการสำรวจความคิดเห็นโดยกลุ่มรณรงค์ Tcktcktck เมื่อวานนี้พบว่า คนในเมืองใหญ่ของเอเชียร้อยละ 53 มีความเห็นว่าข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นจากการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่โคเปนเฮเกนในเดือนธันวาคมนี้ขึ้นอยู่กับภาวะผู้นำของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา” “กรีนพีซเชื่อว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ ณ ห้วงเวลาในประวัติศาสตร์ที่ประธานาธิบดีโอบามาต้องแสดงภาวะผู้นำที่กล้าหาญและอย่างไม่เคยมีมาก่อนในเรื่องของโลกร้อน ในสัปดาห์หน้า ประธานาธิบดีโอบามาจะเผชิญโอกาสเช่นนี้ ที่การประชุมสมัชชาสหประชาชาติในกรุงนิวยอร์ค” “กรีนพีซขอเรียกร้องให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแสดงความเป็นผู้นำในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเข้าร่วมการประชุมสุดยอดที่โคเปนเฮเกนในเดือนธันวาคมนี้และทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อตกลงที่ดี มีความเป็นธรรมและมีผลบังคับใช้เพื่อปกป้องอนาคตของคนรุ่นอนาคตได้” คำแถลงการณ์ของโอบามา(หน้าเหมือน) “ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในตอนนี้คือการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หลายๆคนต่างต้องเผชิญกับความท้าทายดังกล่าว ซึ่งกระผมขอให้คำมั่นว่าผมจะร่วมต่อสู้และแก้ไขไปพร้อมๆกับทุกคน ผมจะเข้าร่วมการประชุมที่โคเปนเฮเกน ผมจะผลักดันให้เกิดข้อตกลงที่ดี และมีความเป็นธรรม ผมจะจัดสรรกองทุนสำหรับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการปรับตัว โดยเริ่มจากการจัดตั้งกองทุนเพื่อปกป้องป่าไม้ นี่คือโอกาสที่จะสร้างอนาคตที่ดีให้แก่ลูกหลาน ผมจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านเลยไป โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นเลย” หลังจากแถลงการณ์เสร็จสิ้น โอบามา(หน้าเหมือน) ถือข้อความว่า “Chang(e). I will” หรือ “ผมจะสร้างการเปลี่ยนแปลง” และโปสเตอร์โครงการ “เดินกับช้าง ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลง” ซึ่งเป็นกิจกรรมเดินรณรงค์โดยคนและช้างภายใต้การดูแลของกองทุนวิจัยและอนุรักษ์ช้างไทย ร่วมเดินรณรงค์ไปตามเส้นทางตอนกลางของประเทศเพื่อบอกเล่าเรื่องราวผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเรียกร้องให้ผู้นำโลกโดยเฉพาะประธานาธิบดีบารัค โอบามา ให้ลงมือแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจังเพื่อปกป้องอนาคตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เป็นอันตรายสามารถหลีกลี่ยงได้โดยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงหลังจากปี 2558 เพื่อที่จะทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกเพิ่มไม่เกินกว่า 2 องศาเซลเซียส กรีนพีซเรียกร้องให้กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วเห็นร่วมกันในการลดการปล่อยก๊าซลงร้อยละ 40 ภายในปี 2563 และนำเงินทุน 140 พันล้านเหรียญสหรัฐมาสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาเพื่อยุติการทำลายป่าไม้ ปรับตัวผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วและเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจแบบคาร์บอนต่ำ กรีนพีซ ทำงานรณรงค์ด้วยหลักการเผชิญหน้าอย่างสันติวิธี นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทัศนคติ และพฤติกรรม เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และสันติภาพ ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ธารา บัวคำศรี ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ประจำประเทศไทย กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ tbuakams@greenpeace.org วิริยา กิ่งวัชระพงศ์ ผู้ประสานงานสื่อมวลชน กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ wkingwat@greenpeace.org

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ