ภาวะตลาดและแนวโน้มราคาทองคำแท่ง ประจำวันที่ 22 ก.ย.52 โดยวายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 22, 2009 10:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่น ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT) ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มขยับขึ้น แต่จะมามากนัก หลังกองทุนทองคำ SPDR กลับมาสะสมทองคำเพิ่มขึ้นอีกกว่า 15 ตัน จากการที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังคงออกมาดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐในช่วง 6-9 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นอีก +0.6% นับเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งจะช่วยหนุนให้นักลงทุนโยกย้ายเงินเข้าลงทุนในทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงเฝ้าติดตามผลการประชุม FED และ G-20 โดยเฉพาะในเรื่องของ EXIT Strategy และนโยบายดอกเบี้ย เพื่อกำหนดทิศทางในการลงทุนที่แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT) ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดเป็นลบ, MACD 30 นาทีเคลื่อนอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, Fast Stochastic เคลื่อนตัวขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 62.049 ถือเป็นระดับ overbought อยู่เล็กน้อยทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways-up, แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $996-$1,008 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.66-฿33.77 ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นขาขึ้น, RSI อยู่ที่ระดับ 60.965 ถือเป็นระดับ overbought อยู่เล็กน้อยทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, MACD เคลื่อนตัวลงอยู่ในแดนบวกทว่าได้กำลังเคลื่อนตัวลงทำให้ดูราคาเป็นลบ, MACDFเคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 0 ทำให้ดูว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, Fast-Stochastic กำลังเคลื่อนตัวลงทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวลง, ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Bull โดยจะใช้แนวต้านที่ $1,035 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญ ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $970 และ $940 ตามลำดับ ราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,950 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 16,090 หรือที่ $1,004.00) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 140 บาท ขณะที่ราคาของ GFV09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,860 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 230 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFV09 มีส่วนลดมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การขาย (Short) ทองแท่งที่ร้านทองแล้วมาเปิดสถานะซื้อ (Long) GFV09 จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 230-140 = 90 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยอีกราว 25 บาทในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้ ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน ปัจจัยบวก ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนนี้ Conference Board เปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐในช่วง 6-9 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้น +0.6% น้อยกว่าที่คาดก่อนหน้าว่า จะเพิ่มขึ้น +0.7% ในเดือนส.ค. มาที่ระดับ 102.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2008 และเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันหลังจากเพิ่มขึ้น +0.9% ในเดือนก.ค.? กองทุนทองคำ — กองทุนทองคำ SPDR ได้รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 21 ก.ย.52 เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น +15.256 ตัน จากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,101.73 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.53 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35.42 ล้านออนซ์ อุปสงค์ + อุปทานทองคำ — เจ้าหน้าที่จากธนาคารกลางของจีนให้ความเห็นว่าจีนควรพิจารณาเข้าซื้อทองคำจาก IMF หากสามารถซื้อได้ในราคาที่มีส่วนลดมากจากราคาในตลาด เพื่อให้ได้ผลตอบแทนในอัตราที่สูง ในขณะที่ตลาดกลับไม่ค่อยได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับข่าวนี้มากนัก หลัง IMF มีนโยบายที่แน่ชัดว่าจะขายให้กับธนาคารกลางของประเทศต่างๆ เท่านั้น เพื่อไม่ให้การขายทองคำในครั้งนี้ไปกระทบกับราคาในตลาด ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง +4 สต. มาที่ 33.71 บาท จากที่ปิด 33.67 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า หลังมีแรงขายทำกำไรสกุลเงินต่างๆในระยะสั้น ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้เล็กน้อย โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ก็กำลังรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ใน 1-2 วันนี้ ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลง +3 สต. มาที่ 33.74 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.66 บาทและ 33.60 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 33.77 บาทและ 33.82 บาท ปัจจัยลบ ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์ปิดแข็งค่าขึ้น -$0.0035 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4672 จากที่ปิด $1.4707 เมื่อวันก่อนหน้า หลังนักลงทุนลดสถานะขายดอลลาร์ก่อนธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันนี้และพรุ่งนี้ ส่วนเช้านี้ดอลลาร์อ่อนค่าลง +$0.0018 มาที่ $1.4690 ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ลดลง -$2.56 มาที่ $69.93 ต่อบาร์เรล จากที่ปิด $72.49 ต่อบาร์เรลเมื่อวันก่อนหน้า โดยได้รับผลกระทบจากความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ + ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น แม้มีความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็ตาม ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ขยับขึ้น +$0.05 มาอยู่ที่ $69.98 ต่อบาร์เรล ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม ปริมาณสำรองน้ำมันดิบ - สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ก.ย.ในวันพุธนี้ โดยผลสำรวจคาดว่า ปริมาณสำรองน้ำมันดิบอาจลดลง -1.1 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น +1.5 ล้านบาร์เรลและปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น +0.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง -0.9% อย่างไรก็ตามในคืนนี้ API จะรายงานตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันดิบหลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ G-20 — การประชุม G-20 จะมีขึ้นในวันที่ 24-25 ก.ย. ที่เมืองพิตส์เบิร์ก โดยมีประเด็นสำคัญในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การระดมทุนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และการปฏิรูปกฎระเบียบ เพื่อเป็นแนวทางในการทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโตอย่างมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี กลุ่ม G-20 จะยังคงยึดมั่นในแนวทางที่จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งกว่านี้ ธนาคารกลางสหรัฐ - คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะประชุมกันที่วอชิงตันในวันที่ 22-23 ก.ย. เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยประเด็นสำคัญคือ FED ควรจะเริ่มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเพียงไร เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเงินเฟ้อทันทีที่เศรษฐกิจแสดงสัญญาณการขยายตัวที่ยั่งยืน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้มีการเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในช่วงสั้นๆ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ