กรุงเทพฯ--23 ก.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มทรงตัวและอาจปิดลบได้ แม้ราคาทองคำในตลาดโลกจะมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง (จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุดที่ให้ภาพในเชิงขัดแย้ง) ก็ตาม แต่ราคา GFV09 จะถูกกดดันโดยการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาทมากขึ้น หลังผู้ส่งออกเทขายดอลลาร์ + เงินทุนยังไหลเข้าตลาดหุ้น
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดเป็นบวก, MACD 30 นาทีเคลื่อนอยู่ในแดนบวกและได้ตัดเส้น Signal จากด้านล่าง ทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, Fast Stochastic เคลื่อนตัวขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 62.381 ถือเป็นระดับ overbought อยู่เล็กน้อยทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways-up, แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $1,004-$1,022 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.57-฿33.61
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นขาขึ้น, RSI อยู่ที่ระดับ 70.05 ถือเป็นระดับ overbought อยู่เล็กน้อยทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDFเคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 0 ทำให้ดูว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, Fast-Stochastic กำลังเคลื่อนตัวขึ้นทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้น, ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Bull โดยจะใช้แนวต้านที่ $1,035 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญ ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $980 และ $960 ตามลำดับ
พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 16,150 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 16,230 หรือที่ $1,016.85) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 80 บาท ขณะที่ราคาของ GFV09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 16,010 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 220 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFV09 มีส่วนลดมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การขาย (Short) ทองแท่งที่ร้านทองแล้วมาเปิดสถานะซื้อ (Long) GFV09 จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 220-80 = 140 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยอีกราว 20 บาท ในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนนี้
ABC News เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ (Consumer Comfort Index) เพิ่มขึ้นมาที่ระดับ -46 ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ก.ย. จากระดับ -49 ในสัปดาห์ก่อนหน้า แต่ยังคงติดลบ การประมูลพันธบัตรอายุ 2 ปีวงเงิน 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ของกระทรวงการคลังสหรัฐ ยังคงได้รับความสนใจอย่างแข็งแกร่งกว่า 3.23 เท่าของวงเงินในการประมูล ที่อัตราดอกเบี้ย 1.034% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 1.119% บ่งบอกถึงคาดการณ์ว่า FED จะดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่ำไปอีกระยะหนึ่งและทำให้มีเงินทุนไหลออกจากดอลลาร์ไปสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงาน ปริมาณสำรองน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น +0.276 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นลดลง -1.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น +3.8 ล้านบาร์เรล? ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์ปิดอ่อนค่าลง +$0.0114 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4788 จากที่ปิด $1.4674 เมื่อวันก่อนหน้า หลังความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้ลดความต้องการดอลลาร์ในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย นอกจากนี้ นักลงทุนกำลังจับตาการประชุมผู้นำกลุ่มจี-20 เกี่ยวกับการปรับสมดุลภาวะเศรษฐกิจโลกที่เมืองพิทส์เบิร์กในสัปดาห์นี้ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวนั้น ยังคงต้องอาศัยดอลลาร์ที่อ่อนค่า ส่วนเช้านี้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอีกเล็กน้อย +$0.0002 มาที่ $1.4790
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. พุ่งขึ้น +$1.83 มาที่ $71.76 ต่อบาร์เรล จากที่ปิด $69.93 ต่อบาร์เรลเมื่อวันก่อนหน้า หลังการอ่อนค่าลงของดอลลาร์ได้กระตุ้นให้มีคำสั่งซื้อน้ำมันเข้ามาในตลาด นอกจากนี้ ในรายงานของทางมาสเตอร์การ์ด สเปนดิงพัลซ์ได้ระบุว่า อุปสงค์น้ำมันเบนซินค้าปลีกของสหรัฐพุ่งขึ้น +1.4% ในสัปดาห์ที่แล้วเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า โดยอุปสงค์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเขตนิวอิงแลนด์ เซ็นทรัลแอตแลนติก และมิดเวสท์ ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ร่วงลงเล็กน้อยราว -$0.45 มาอยู่ที่ $71.31 ต่อบาร์เรล หลังการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานว่า ปริมาณสำรองน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น +0.276 ล้าน บาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่คาดไว้ว่าจะลดลงราว -1.1 ล้านบาร์เรล
ปัจจัยลบ
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น -9 สต. มาที่ 33.62 บาท จากที่ปิด 33.71 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า หลังผู้ส่งออกเทขายดอลลาร์อย่างหนัก ทำให้เงินบาทยังคงแข็งค่าต่อไป แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเข้าแทรกแซงด้วยการเข้าซื้อดอลลาร์ เพื่อชะลอไม่ให้เงินบาทแข็งค่าเร็วเกินไปก็ตาม ขณะที่เช้านี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอีก -6 สต. มาที่ 33.56 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.57 บาทและ 33.53 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 33.71 บาทและ 33.81 บาท
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้
1. ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะประกาศมติการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน เวลา 01.15 น. โดยผลสำรวจคาดว่า FED จะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0-0.25% และจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เพื่อหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่อไป
2. สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ก.ย.ในวันพุธนี้ โดยผลสำรวจคาดว่า ปริมาณสำรองน้ำมันดิบอาจลดลง -1.1 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น +1.5 ล้านบาร์เรลและปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น +0.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง -0.9%
กองทุนทองคำ — กองทุนทองคำ SPDR ได้รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 22 ก.ย.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,101.73 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.59 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35.42 ล้านออนซ์
G-20 — การประชุม G-20 จะมีขึ้นในวันที่ 24-25 ก.ย. ที่เมืองพิตส์เบิร์ก โดยมีประเด็นสำคัญในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การระดมทุนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และการปฏิรูปกฎระเบียบ เพื่อเป็นแนวทางในการทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโตอย่างมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี กลุ่ม G-20 จะยังคงยึดมั่นในแนวทางที่จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งกว่านี้