กรุงเทพฯ--23 ก.ย.--ตลท.
สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โดยนายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ นำคณะนักวิเคราะห์เข้าพบท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกรณ์ จาติกวณิช เมื่อ 11 ก.ย.52 เพื่อรับฟังข้อมูลแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยนักวิเคราะห์ที่ร่วมคณะถึงร้อยละ 91 มีความมั่นใจโดยรวมในปฏิบัติการนี้ในระดับปานกลาง อีกร้อยละ 9 มีความมั่นใจมาก จากจำนวนนักวิเคราะห์ที่แสดงความเห็นรวม 23 คน
ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าพบและรับฟังข้อมูลปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ได้สอบถามความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ที่ร่วมคณะ เพื่อสอบถามระดับความมั่นใจของนักวิเคราะห์ที่มีต่อปฏิบัติการดังกล่าว รวมทั้งหุ้นที่จะได้รับประโยชน์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ประเด็นที่สอบถามความมั่นใจ มั่นใจมาก มั่นใจปานกลาง มั่นใจน้อย ไม่มั่นใจ
1. สามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนของภาคเอกชนได้ 35% 65% - -
2. สามารถกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ในระดับที่น่าพอใจ 22% 78% - -
3. ช่วยให้รัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้น 13% 57% 22% 9%
4. สามารถดำเนินการตามแผนได้จนถึงปี 2555 ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือไม่ 4% 48% 43% 4%
5. สามารถระดมเงินทุนได้ตามแผน 43% 52% 4% -
6. ความมั่นใจโดยรวม 9% 91% - -
หุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 มากที่สุด ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุตรงกันหลายคน ได้แก่ หุ้นในกลุ่มผู้รับเหมา และวัสดุก่อสร้างบางบริษัท อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคาหุ้นของหลายบริษัทได้ปรับตัวขึ้น สะท้อนปัจจัยบวกจากปฏิบัติการนี้ไปแล้ว ทั้งนี้ นายสมบัติ กล่าวเพิ่มเติมว่า “หุ้นในกลุ่มเหล่านี้ แม้นักวิเคราะห์คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการต่าง ๆ ภายใต้ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง เช่น การก่อสร้างสาธารณูปโภคเพิ่มเติม รวมถึงการสร้างรถไฟฟ้าและโครงการถนนปลอดฝุ่น อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาเข้าลงทุน ยังต้องดูข้อมูลการวิเคราะห์มูลค่าหุ้นเทียบกับราคาตลาดด้วยว่าเกินมูลค่าไปแล้วหรือไม่ สามารถดูได้ที่ SAA Consensus ในเว็บไซต์ของสมาคมฯ”
“สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ขอขอบคุณ ท่านรัฐมนตรีฯ กรณ์ และกระทรวงการคลัง ที่ได้เปิดโอกาสให้สมาคมนักวิเคราะห์ฯ นำคณะเข้ารับฟังข้อมูลเป็นการเฉพาะ ซึ่งโอกาสเช่นนี้เป็นประโยชน์มากต่อนักลงทุนและประชาชนในวงกว้าง เนื่องจากนักวิเคราะห์เกือบทุกรายได้นำข้อมูลที่ได้รับนี้ไปประกอบการทำบทวิจัยเผยแพร่ และนักวิเคราะห์ประมาณครึ่งหนึ่งได้สรุปข้อมูลให้เจ้าหน้าที่การตลาดและผู้เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกบริษัททราบ ผ่านการประชุม, อีกส่วนหนึ่งได้นำไปพูดออกสื่อหรือในงานสัมมนา, เขียนบทความลงหนังสือพิมพ์หรือสื่อสิ่งพิมพ์อื่น, รวมถึงนำไปปรับประมาณการ GDP และ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เพิ่มขึ้น ซึ่งสมาคมฯ จะพยายามจัดโครงการเช่นนี้ต่อไป” นายสมบัติ กล่าวทิ้งท้าย