กรุงเทพฯ--23 ก.ย.--คต.
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 เป็นต้นมา ได้ทำให้การค้าระหว่างไทยกับญี่ปุ่นและการส่งออกไปญี่ปุ่นขยายตัวมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยในปี 2552 (มกราคม-มิถุนายน) มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 17,207.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไทยส่งออกไปญี่ปุ่นเป็นมูลค่า 7,079.96 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และไทยนำเข้าจากญี่ปุ่น คิดเป็นมูลค่า 10,127.64 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในส่วนของการให้บริการตรวจและรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าในปี 2552 (มกราคม-มิถุนายน) กรมการค้าต่างประเทศได้ออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Form JTEPA) จำนวนทั้งสิ้น 44,208 ฉบับ มีมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ได้รับสิทธิ 2,477.99 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีการขอใช้สิทธิภายใต้ความตกลง JTEPA ทั้งสิ้น 1,985.01 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ คิดเป็นร้อยละ 80.11 ของมูลค่าส่งออกภายใต้สินค้าที่ได้รับสิทธิ ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีสัดส่วนการใช้สิทธิร้อยละ 57.63 โดยมีสินค้าสำคัญที่ใช้สิทธิส่งออกภายใต้ JTEPA ได้แก่ เนื้อไก่ และเครื่องในไก่ที่ปรุงแต่งหรือทำไว้ไม่ให้เสีย กุ้งที่ปรุงแต่งหรือทำไว้ไม่ให้เสีย กุ้งกุลาดำ กุ้งก้ามกรามแช่แข็ง แหนบรถยนต์ เป็นต้น
ในช่วงที่ผ่านมา กรมการค้าต่างประเทศได้มีการประชาสัมพันธ์เพื่อการใช้สิทธิอย่างต่อเนื่อง และได้สนับสนุนการส่งออก โดยการตรวจและรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า เพื่อการส่งออกไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีศุลกากรในการนำเข้าประเทศญี่ปุ่นภายใต้ความตกลงดังกล่าว
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการของไทยได้มีความรู้ความเข้าใจในการใช้ประโยชน์จากความตกลง JTEPA รวมทั้งเข้าใจในเรื่องกฎแหล่งกำเนิดสินค้า และแนวปฏิบัติในการขอใช้สิทธิภายใต้ JTEPA กรมการค้าต่างประเทศยินดีให้บริการตอบทุกปัญหาการค้าต่างประเทศ ทั้งทางโทรศัพท์และทางเว็บไซด์ หากมีข้อสงสัยหรือสนใจสอบถามรายละเอียดในการใช้ประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น หรือ JTEPA สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักสิทธิประโยชน์ทางการค้า ทร 1385 โทรสาร 02 547 4816 e-mail: tpdft@mocnet.moc.go.th หรือเว็ปไซด์กรมการค้าต่างประเทศ http://www.dft.go.th