กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำยังมีแนวโน้มทรงตัวและอาจปิดบวกได้ หลังราคาทองคำในตลาดโลกเริ่ม Rebound กลับ ตามค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอีกครั้งในเช้านี้ แต่ราคา GFV09 จะยังคงถูกถ่วงโดยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น หลังเงินทุนยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทย + การเกินดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป)
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
Source : Bisnews (Daily)
Source : Bisnews (30 Min)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD 30 นาทีเคลื่อนอยู่ในแดนลบทว่าได้ตัดเส้น Signal จากด้านล่าง ทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, Fast Stochastic เคลื่อนตัวขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 53.826 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways, แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $1,003-$1,015 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.44-฿33.60
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นขาขึ้น, RSI อยู่ที่ระดับ 61.665 ถือเป็นระดับ overbought อยู่เล็กน้อยทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทว่าได้ตัดเส้น Signal จากด้านบนทำให้ดูราคาเป็นลบ, MACDFเคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 0 ทำให้ดูว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, Fast-Stochastic กำลังเคลื่อนตัวขึ้นทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้น, ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Bull โดยจะใช้แนวต้านที่ $1,035 เป็นแนวต้านระยะกลางที่สำคัญ ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $980 และ $960 ตามลำดับ
ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
Source: YLG’s estimations
พิจารณาตารางที่ 3 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 16,100 บาท) ซึ่งสูงกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 16,070 หรือที่ $1,007.35) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ 30 บาท ขณะที่ราคาของ GFV09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 16,020 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 50 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFV09 มีส่วนลดมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การขาย (Short) ทองแท่งที่ร้านทองแล้วมาเปิดสถานะซื้อ (Long) GFV09 จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 50+30 = 80 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยอีกราว 20 บาท ในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ - สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติเห็นชอบการขยายสวัสดิการว่างงานให้แก่ผู้ว่างงาน ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการเพิ่มขึ้น แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้สิ้นสุดลงแล้วก็ตาม โดยร่างกฎหมายนี้จะครอบคลุมคนทำงานราว 300,000 คนซึ่งคาดว่าสวัสดิการของพวกเขาจะสิ้นสุดลงภายในสิ้นเดือนนี้ และคนทำงานอีก 1 ล้านคนที่สวัสดิการจะสิ้นสุดก่อนสิ้นปีนี้
ปัจจัยลบ
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนนี้
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐเปิดเผยข้อมูลปริมาณสำรองน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ก.ย.เพิ่มขึ้น +2.8 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดไว้ว่าอาจลดลง -1.5 ล้านบาร์เรล มาที่ 335.6 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น +3.0 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง +1.4 ล้านบาร์เรล มาที่ 170.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินก็เพิ่มขึ้น +5.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง +0.4 ล้านบาร์เรล มาที่ 213.1 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลงถึง -1.3% มาที่ 85.6% การประมูลพันธบัตรอายุ 5 ปีวงเงิน 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์ของกระทรวงการคลังสหรัฐ ยังคงได้รับความสนใจอย่างแข็งแกร่งกว่า 2.40 เท่าของวงเงินในการประมูล ที่อัตราดอกเบี้ย 2.47% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 2.494% บ่งบอกถึงคาดการณ์ว่า FED จะดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่ำไปอีกระยะหนึ่งและทำให้มีเงินทุนไหลออกจากดอลลาร์ไปสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น FED ระบุในแถลงการณ์ว่า เศรษฐกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัว ตลาดการเงินมีสภาวะที่ดีขึ้น กิจกรรมในตลาดที่อยู่อาศัยก็เพิ่มขึ้น จึงได้ตัดสินใจที่จะชะลอการซื้อหนี้จำนองลง พร้อมทั้งลงมติคงอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% ตามคาด และย้ำความตั้งใจที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำมากต่อไปและคาดว่าเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง แม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะกระเตื้องขึ้นบ้างแล้ว หลังจากชะลอลงรุนแรง เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่อไป? ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์ปิดแข็งค่าขึ้น -$0.0070 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4717 จากที่ปิด $1.4787 เมื่อวันก่อนหน้า หลังนักลงทุนวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ใกล้ที่จะถอนมาตรการพิเศษในการอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จากการที่ FED ได้ตัดสินใจที่จะชะลอการซื้อหนี้จำนองลง ส่วนเช้านี้ดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าลง +$0.0015 มาอยู่ที่ $1.4732
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ร่วงลง -$2.79 มาที่ $68.97 ต่อบาร์เรล จากที่ปิด $71.76 ต่อบาร์เรลเมื่อวันก่อนหน้า หลัง EIA ของสหรัฐเปิดเผยข้อมูลปริมาณสำรองน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากและสวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ร่วงลงอีกราว -$0.58 มาอยู่ที่ $68.39 ต่อบาร์เรล
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น -8 สต. มาที่ 33.51 บาท จากที่ปิด 33.59 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า จากค่าเงินดอลลาร์ที่ยังมีทิศทางอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลง +7 สต. มาที่ 33.58 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.44 บาทและ 33.38 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 33.60 บาทและ 33.70 บาท
อุปสงค์ + อุปทานทองคำ - นางไลล่า ลู หัวหน้าแผนกโลหะมีค่าของธนาคารมินเซิง แบงก์ คอร์ป กล่าวว่า "จีนไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดในการซื้อทองจากตลาดระหว่างประเทศ" และกล่าวเสริมว่า "จีนเป็นประเทศผู้ผลิตทองรายใหญ่ และจีนสามารถซื้อทองได้โดยตรงจากผู้ผลิตในประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกิจการของรัฐบาล" ขณะที่จีนสามารถก้าวขึ้นมาแทนที่แอฟริกาใต้ในปี 2007 ในการเป็นประเทศผู้ผลิตทองมากที่สุดในโลก โดยผลผลิตทองของจีนพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดที่ 282 ตันในปี 2008 และในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ปริมาณการผลิตทองพุ่งขึ้น 13.5 % จากปีที่แล้ว มาที่ระดับ 146.5 ตัน
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้
1. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ เวลา 19.30 น. โดยผลสำรวจคาดว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ก.ย.จะอยู่ที่ 5.5 แสนราย เพิ่มขึ้นจาก 5.45 แสนรายในสัปดาห์ก่อนหน้า
2. สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. เวลา 21.00 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ยอดขายบ้านมือสองจะอยู่ที่ 5.35 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นจาก 5.24 ล้านยูนิตในเดือนก.ค.
กองทุนทองคำ — กองทุนทองคำ SPDR ได้รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 23 ก.ย.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,101.73 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.58 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35.42 ล้านออนซ์
G-20 — การประชุม G-20 จะมีขึ้นในวันที่ 24-25 ก.ย. ที่เมืองพิตส์เบิร์ก โดยมีประเด็นสำคัญในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การระดมทุนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และการปฏิรูปกฎระเบียบ เพื่อเป็นแนวทางในการทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโตอย่างมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี กลุ่ม G-20 จะยังคงยึดมั่นในแนวทางที่จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งกว่านี้
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
Source : Bloomberg