กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--เจพี วัน คอนซัลแทนท์
กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ จัดโครงการมหกรรมคาราวานสินค้าไทยสู่ตลาดจีน ณ เมืองสิบสองปันนา (จิงหง) มณฑลยูนาน กับการขบวนคาราวานสินค้ากว่า 15 รถคอนเทอร์เนอร์ที่จะทำการบรรทุกสินค้าจากประเทศไทยเดินทางไปเปิดตลาดในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นการเปิดเส้นทางการค้าเสรีอย่างเป็นทางการกับเส้นทาง R3A ประตูการค้าชายแดนที่เชื่อมต่อการค้าระดับอาเซียนระหว่างไทย ลาว พม่า จีน โดยที่ผ่านมามูลค้าทางการค้าชายแดนระหว่างไทยจีนมียอดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 8,200 ล้านบาท และการเปิดเส้นทางการค้าเสรีในครั้งนี้คาดว่าจะทำให้ตลาดทางการค้าชายแดนเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 อย่างแน่นอน
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าประเทศไทย และประเทศจีนถือเป็นคู่ค้าที่สำคัญในการส่งออกในสินค้าประเภทต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก โดยในปีที่ผ่านมูลค้าทางการในตลาดรวมระหว่างไทย-จีนมีมูลค่าสูงถึง 36,347 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่าขยายตัวกว่าร้อยละ 19 จากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งในปีนี้ทางกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ได้วางโครงการเพื่อเร่งการเติบโตของโครงสร้างเศรษฐกิจในประเทศ นำเข้าเม็ดเงินจากการส่งออก เพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ที่จะเพิ่มยอดมูลค่าทางการค้าในปี 2553 ให้อยู่ที่ 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหนึ่งในโครงการต่าง ๆ นั้นคือโครงการ Made In Thailand Exhibition 2009 มหกรรมคาราวานสินค้าไทยสู่ตลาดจีน กับการเปิดประตูการค้าชายแดนระหว่างไทยและจีนทางตอนใต้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดการค้าชายแดนที่มีศักยภาพในการส่งออกของประเทศอีกจุดหนึ่ง โดยกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์คาดหวังว่าการเปิดเส้นทางการค้ากับขบวนคาราวานในครั้งนี้จะเป็นการนำร่องตลาดส่งออกชายแดนทางการเดินรถ ซึ่งจะทำให้ยอดการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 25 จาก 8,200 ล้านบาทกับการค้าชายแดนเมื่อปีที่ผ่านมา
นางพรทิวา กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญในด้านการคมนาคมขนส่งทางบกไปจีนตามแนว North — South Economic Corridor หรือ R3A เป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญของประเทศ สะดวก ง่าย รวดเร็วต่อการเดินทางขนถ่ายสินค้า โดยจะเดินทางผ่านสาธารณรัฐประธิปไตยประชาชนลาวเข้าสู่ประตูหน้าด่านทางการค้าสิบสองปันนา (จิงหง) สู่คุนหมิงและเมืองต่าง ๆ ในประเทศจีน ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการเปิดเส้นทางการค้าเท่านั้น ในอนาคตเส้นทางดังกล่าวยังจะเป็นประตูในการนำเข้าเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวระหว่างไทย-จีน และยังรวมถึงภาคการศึกษาที่จะง่ายขึ้นในการแลกเปลี่ยนภาษา ความรู้ ขนบธรรมเนียบ วัฒนธรรม ซึ่งจะเป็นจุดหนึ่งที่จะสามารถกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดี
การจัดคาราวานสินค้าไทยในครั้งนี้ถือเป็นความพยายามของกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมการค้า และส่งออกในรูปแบบใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของกลุ่ม SME ไทยในการส่งออก กอปรกับยังเป็นแผนในด้านการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในกลุ่ม GMS ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากเขตการค้าเสรีอาเซียน — จีน อีกด้วย
นางพรทิวา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า งาน Made In Thailand Exhibition 2009 มหกรรมคาราวานสินค้าไทยสู่ตลาดจีน ได้มีผู้ประกอบการที่มีความพร้อมในการทำการค้าในประเทศจีนรวมทั้งสิ้นจำนวน กว่า 200 ราย เพื่อนำสินค้าเข้าไปเปิดตลาดในเมืองสิบสองปันนา โดยจะทำการจัดแบ่งหมวดของประเภทธุรกิจดังนี้
- ธุรกิจกลุ่มสินค้าอาหาร / เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารประเภทต่างๆ
- ธุรกิจเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ
- ธุรกิจยา สมุนไพร และเวชภัณฑ์
- ธุรกิจความงามและสุขภาพ เช่น สปา นวด เครื่องสำอางค์
- ธุรกิจเครื่องประดับ / สินค้าแฟชั่น
- สินค้าของขวัญ ของตกแต่งบ้าน
- สินค้าหัตถกรรม
- สินค้าเกษตรกรรม เช่น ผลไม้ไทย ข้าวไทย
“มหกรรมคาราวานสินค้าไทยสู่ตลาดจีนจะทำการปล่อยขบวนอย่างยิ่งใหญ่พร้อมกันทั้ง 15 รถคอนเทอร์เนอร์ ณ อิมแพคเมืองทองธานี ในวันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน 2552 เพื่อเดินทางสู่ชายแดนจังหวัดเชียงราย อำเภอเชียงของ เข้าสู่สาธารณรัฐประชาชนลาว และสิบสองปันนา โดยงานมหกรรมคาราวานสินค้าไทยสู่ตลาดจีนจะมีขึ้นในวันที่ 1 — 5 ตุลาคม 2552 ณ เมืองสิบสองปันนา มณฑลยูนาน ประเทศจีน ซึ่งตรงกับวันเฉลิมฉลองวันชาติจีน โดยงานนี้นอกจากการไปเปิดตลาดในประเทศจีนแล้ว ยังได้นำการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยมากมายไปโชว์ในการจัดงานครั้งนี้ด้วย ดังนั้นการงาน Made In Thailand Exhibition 2009 มหกรรมคาราวานสินค้าไทยสู่ตลาดจีน ถือเป็นการผลักดันให้ผู้ผลิต ผู้ส่งออก ผู้ประกอบการได้ขยายตลาด เผยแพร่สินค้าไทยในการเปิดตลาดจีน ได้ศึกษาลู่ทางการค้า และแนะนำวัฒนาธรรมไทยสู่ประเทศจีนด้วย” นางพรทิวา กล่าวสรุป
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สำนักพัฒนาการตลาดต่างประเทศ
กลุ่มงานกิจกรรม โทร. 02-5120093 ต่อ 463, 512 หรือ
นายจตุพล ศิริเดช
บริษัท เจพี วัน คอนซัลแทนท์ จำกัด
โทร 02-939-3981