กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--กบง.
ที่ประชุม กบง. หนุนการใช้พลังงานทางเลือกให้มากขึ้นโดยกำหนดราคาขายปลีก E85 ให้ต่ำกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอลมากยิ่งขึ้น พร้อมนำน้ำมันดีเซล B5 มาใช้แทนน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในโครงการน้ำมันม่วงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวประมง
นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธาน คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เปิดเผยภายหลังการประชุม กบง. เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2552 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบแนวทางการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 โดยกำหนดให้ราคาขายปลีกต่ำกว่าราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล E10 ประมาณร้อยละ 40 จากเดิมร้อยละ 30 พร้อมปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นชดเชย 10.30 บาท/ลิตร จากเดิมชดเชยที่ 7.13 บาท/ลิตร
ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นการส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาใช้ E85 เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการจูงใจให้ผู้ค้าน้ำมัน E85 ได้ขยายโครงข่ายได้กว้างขวางขึ้น เพราะค่าการตลาดของ E85 ที่ผู้ค้าจะได้รับสูงกว่าน้ำมัน แก๊สโซฮอล E10
ที่ประชุมยังได้พิจารณานำน้ำมันดีเซล B5 มาใช้แทนน้ำมันดีเซล B2 ในโครงการจำหน่ายน้ำมัน ในเขตทะเลอาณาเขตให้ชาวประมงชายฝั่ง (น้ำมันม่วง) โดยให้ลดราคาน้ำมันดีเซล B5 ลง 2 บาท/ลิตร เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมง จนกว่าจะสิ้นสุดโครงการดังกล่าวที่ได้ขยายเวลาออกไป 6 เดือน (ตั้งแต่ 15 พ.ค.-14 พ.ย. 2552)
ที่ผ่านมา ราคาดีเซล B5 ต่ำกว่าน้ำมันดีเซล B2 ที่จำหน่ายในโครงการฯ ประมาณ 1 บาท/ลิตร ทำให้ชาวประมงบางส่วนเลือกใช้น้ำมันที่ถูกกว่า ประกอบกับค่าการตลาดของ B5 สูงกว่า ทำให้สถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเลือกจำหน่าย B5 มากกว่า
ตัวเลขการใช้น้ำมันในโครงการน้ำมันม่วงช่วงที่ผ่านมามีประมาณ 1 ล้านลิตร/เดือน เทียบกับโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ ปัจจุบัน (21 ก.ย. 2552) ซึ่งการใช้น้ำมันม่วงในโครงการฯ กองทุนน้ำมันฯ มีภาระในการชดเชยเป็น 1.92 บาท/ลิตร และเมื่อเปลี่ยนใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 มาแทนดีเซลหมุนเร็ว B2 กองทุนน้ำมันฯ จะมีภาระในการชดเชยเป็น 3.54 บาท/ลิตร
ที่ประชุมยังได้พิจารณาแก้ไขปรับปรุงคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 4/2547 ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อ 24 ส.ค. 2552 เรื่อง การเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “ก๊าซธรรมชาติสำหรับ ยานยนต์” โดยแก้ไขนิยามของคำว่า “น้ำมันเชื้อเพลิง” ในคำสั่งดังกล่าวให้มีความหมายรวมถึง ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในการกำกับดูแลราคาเชื้อเพลิงสำหรับ ภาคขนส่งและให้เกิดการแข่งขันทางด้านราคาอย่างเป็นธรรม และให้การกำกับดูแลราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์อยู่ภายใต้กรอบการกำกับดูแลเดียวกันกับเชื้อเพลิงสำหรับภาคขนส่งชนิดอื่นๆ
สนับสนุนงบดึงแท็กซี่ใช้ NGV
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบตามแผนการดำเนินการสนับสนุนกลุ่มรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซ LPG ให้เปลี่ยนมาเป็นรถแท็กซี่ NGV โดยมีหลักการสำคัญที่ได้หารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกลุ่มรถแท็กซี่แล้วคือ กระบวนการดำเนินการต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีส่วนร่วมจากผู้ที่เกี่ยวข้อง
กระทรวงพลังงาน ปตท. และเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่จะร่วมเตรียมความพร้อมด้านการติดตั้งอุปกรณ์ NGV พร้อมร่วมกันจัดทำบัญชีรายชื่ออู่ติดตั้ง NGV มาตรฐาน เพื่อติดตามและตรวจสอบมาตรฐานของทั้งอู่ติดตั้ง ชุดอุปกรณ์ การตรวจสอบรับรองจากกรมการขนส่งทางบก รวมถึงการติดตามบริการหลังการขายโดยอู่ที่รับติดตั้งต้องรับประกันหลังการติดตั้ง
นอกจากนี้ยังกำหนดแนวทางและวิธีการจัดเก็บและทำลายอุปกรณ์และถัง LPG รวมทั้งให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ประชาสัมพันธ์จูงใจให้กลุ่มรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซ LPG เปลี่ยนมาเป็นรถแท็กซี่ NGV
ทั้งนี้ ได้กำหนดระยะเวลาการดำเนินการประมาณ 9 เดือน พร้อมอนุมัติค่าใช้จ่ายจากกองทุนน้ำมันฯ สำหรับแผนการดำเนินการเปลี่ยนแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซ LPG เปลี่ยนมาใช้ NGV ในวงเงินประมาณ 1,200 ล้านบาท