รายงานสถานการณ์อุทกภัย สภาวะอากาศ ปริมาณน้ำฝน และสภาพน้ำท่า 2549 วันที่ 18 ตุลาคม 2549 เวลา 20.00 น.

ข่าวทั่วไป Thursday October 19, 2006 08:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ต.ค.--ปภ.
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวม (ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม — 18 ตุลาคม 2549)
1.1 ระหว่างวันที่ 27-31 สิงหาคม 2549 วันที่ 9-12 กันยายน 2549 และวันที่ 18-23 กันยายน 2549 ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พายุดีเปรสชั่นเคลื่อนตัวผ่าน (24-25 ก.ย.49) และพายุดีเปรสชั่น “ช้างสาร” (1-3 ต.ค.49) ทำให้มีฝนตกหนักมากในพื้นที่ ระดับน้ำในแม่น้ำมีปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มริมฝั่งของลำน้ำหลายพื้นที่
1.2 พื้นที่ประสบภัย รวม 46 จังหวัด 307 อำเภอ 20 กิ่งอำเภอ 1,981 ตำบล 12,466 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 3,071,308 คน 848,468 ครัวเรือน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ พะเยา อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม นครนายก ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ชัยภูมิ ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี ยโสธร ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา และกรุงเทพมหานคร
1.3 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 83 คน จังหวัดเชียงใหม่ 7 คน จังหวัดแม่ฮ่องสอน 2 คน จังหวัดลำปาง 2 คน จังหวัดสุโขทัย 9 คน จังหวัดพิษณุโลก 10 คน จังหวัดนครสวรรค์ 8 คน จังหวัดเพชรบูรณ์ 1 คน จังหวัดชัยนาท 1 คน จังหวัดสิงห์บุรี 2 คน จังหวัดอ่างทอง 8 คน จังหวัดพิจิตร 1 คน จังหวัดปราจีนบุรี 7 คน จังหวัดจันทบุรี 3 คน จังหวัดปทุมธานี 2 คน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 12 คน จังหวัดชัยภูมิ 2 คน จังหวัดลพบุรี 1 คน จังหวัดอุทัยธานี 2 คน จังหวัดพังงา 1 คน และกรุงเทพมหานคร 2 คน สูญหาย 1 คน (จังหวัดเชียงใหม่ 1 คน)
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 51 หลัง เสียหายบางส่วน 8,629 หลัง ถนน 3,865 สาย สะพาน 294 แห่ง ท่อระบายน้ำ 385 แห่ง ทำนบ/ฝาย/เหมือง 463 แห่ง พื้นที่ทางการเกษตร 2,164,639 ไร่ บ่อปลา/กุ้ง 23,724 บ่อ วัด/โรงเรียน 889 แห่ง ความเสียหายอื่น ๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นเท่าที่สำรวจได้ ประมาณ 319,919,441 บาท
2. พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 30 จังหวัด
สถานการณ์ปัจจุบัน
3. พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 16 จังหวัด เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านพื้นที่สูงกว่าตลิ่ง ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี ปราจีนบุรี และกรุงเทพมหานคร ดังนี้
3.1 จังหวัดในลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน รวม 4 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ ริมแม่น้ำ และพื้นที่การเกษตรในที่ลุ่มที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ได้แก่
- จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางระกำ 9 ตำบล อำเภอพรหมพิราม 9 ตำบล อำเภอเมือง 1 ตำบล และอำเภอวัดโบสถ์ 6 ตำบล (จังหวัดพิษณุโลกมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ชื่อนายเพชร ทองบุญมี อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22/1 หมู่ที่ 10 ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก)
๐ มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 10 คน ทางราชการได้ให้ความช่วยเหลือตามระเบียบ ฯ แล้ว 9 คน ยังคงอยู่ระหว่างการดำเนินการช่วยเหลือ 1 คน
- จังหวัดสุโขทัย ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอกงไกรลาศ 11 ตำบล ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง
๐ มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 9 คน ทางราชการได้ให้ความช่วยเหลือตามระเบียบ ฯ แล้ว 8 คน ยังคงอยู่ระหว่างการดำเนินการช่วยเหลือ 1 คน และบ้านเรือนราษฎรที่เสียหายทั้งหลัง ได้ให้การช่วยเหลือแล้วจำนวน 3 หลัง ส่วนที่เสียหายบางส่วนอยู่ระหว่างการดำเนินการ
- จังหวัดพิจิตร จำนวน 7 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 12 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลท่าฬ่อ) อำเภอสามง่าม 4 ตำบล อำเภอวชิรบารมี 4 ตำบล อำเภอโพธิ์ประทับช้าง 7 ตำบล อำเภอโพทะเล 9 ตำบล อำเภอตะพานหิน 10 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลเมืองตะพานหิน) อำเภอบางมูลนาก 9 ตำบล และกิ่งอำเภอบึงนาราง 5 ตำบล
- จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 16 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลนครนครสวรรค์) อำเภอชุมแสง 11 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลทับกฤช) อำเภอเก้าเลี้ยว 5 ตำบล อำเภอโกรกพระ 8 ตำบล 2 เทศบาล (เทศบาลตำบลโกรกพระ และเทศบาลตำบลบางประมุง) อำเภอพยุหะคีรี 7 ตำบล อำเภอบรรพตพิสัย 13 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลบรรพตพิสัย) และอำเภอท่าตะโก 10 ตำบล
ส่วนการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ นั้น ทุกหน่วยงานยังคงปฏิบัติงานการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
๏ ระดับน้ำในแม่น้ำยม ที่ฝายบางบ้า อำเภอบางระกำ เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ต.ค.49 ระดับน้ำสูง 42.93 ม. (ระดับตลิ่ง 40.50 ม.) ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 2.43 ม.
๏ ระดับน้ำในแม่น้ำยม เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 18 ต.ค.49 ที่สถานี Y.33 อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 5.89 ม. (ระดับตลิ่ง 10.00 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 4.11 ม. ที่สถานี Y.4 อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 4.76 ม. (ระดับตลิ่ง 7.45 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 2.69 ม. และที่ฝายยางบ้านกง อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 10.34 ม. (ระดับตลิ่ง 9.00 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 1.34 ม.
3.2 จังหวัดลพบุรี มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร ในที่ลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากไม่สามารถระบายน้ำลงสู่คลองชัยนาท-ป่าสัก จำนวน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอบ้านหมี่ และ อำเภอท่าวุ้ง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.70-1.10 ม.
การให้ความช่วยเหลือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำ 93 เครื่อง เรือท้องแบน 46 ลำรถแบ็คโฮ 2 คัน รถเกรด 4 คัน ถุงยังชีพ 9,006 ชุด รถกู้ภัย 11 คัน และกระสอบทราย 20,000 ใบ กำลังพล จากหน่วยทหาร อปพร. อส. 735 นาย ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เสริมคันดิน (คลองชัยนาท-ป่าสัก) บริเวณ ต.ถนนใหญ่-ท่าแค อ.เมือง และอพยพราษฎร หมู่ที่ 4,9 ตำบลลำนารายณ์ 131 ครัวเรือน
3.3 จังหวัดสระบุรี น้ำจากแม่น้ำป่าสักเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 4 ตำบล อำเภอวิหารแดง 2 ตำบล อำเภอเสาไห้ 11 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม. อำเภอบ้านหมอ 6 ตำบล 1 เทศบาล และอำเภอหนองแซง 4 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.70-1.40 ม.
การให้ความช่วยเหลือ ได้มีการอพยพราษฎรของอำเภอบ้านหมอ จำนวน 40 ครัวเรือน 200 คน พร้อมแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค 3,479 ชุด น้ำดื่ม 21,311 ขวด และยารักษาโรค 1,708 ชุด เสื้อผ้า 45 ชุด
3.4 จังหวัดชัยนาท มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 8 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลเมืองชัยนาท) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.60-1.00 ม. อำเภอสรรพยา 7 ตำบล 2 เทศบาล (เทศบาลตำบลสรรพยา และเทศบาลโพนางดำ) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.30-1.80 ม. และอำเภอหันคา 7 ตำบล 2 เทศบาล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.80-1.30 ม.
๐ มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 1 คน ทางราชการได้ให้ความช่วยเหลือตามระเบียบ ฯ แล้ว
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มอบถุงยังชีพ 13,950 ชุด กระสอบทราย 272,800 ใบ น้ำดื่มขนาด 1,000 ลิตร 150 ถัง น้ำดื่มชนิดขวด 2,000 ขวด น้ำประปา 984,000 ลิตร ชุดเวชภัณฑ์ 7,487 ชุด เต็นท์ 170 หลัง เครื่องสูบน้ำ 45 เครื่อง และเรือท้องแบน 3 ลำ
3.5 จังหวัดอุทัยธานี มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรังเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ 9 ตำบล 2 เทศบาล (เทศบาลเมืองอุทัยธานี และตำบลอุทัยใหม่) รวมทั้งในพื้นที่เศรษฐกิจ และศาลากลางจังหวัด ระดับน้ำสูงประมาณ 0.60-1.20 ม.
2) อำเภอหนองขาหย่าง น้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้วและแม่น้ำสะแกกรัง เอ่อเข้าท่วมในพื้นที่ 6 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.60-0.80 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัดอุทัยธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มอบกระสอบทราย 50,000 ใบ ถุงยังชีพ 18,130 ชุด เรือท้องแบน 18 ลำ เต็นท์ 200 หลัง น้ำดื่ม 90,000 ลิตร น้ำดื่ม 49,688 ขวด ชุดเวชภัณฑ์ 8,982 ชุด รวมทั้ง นพค.15 มทบ.31 อปพร. อส. สถานีวิทยุ 934 สนับสนุนกำลังพลรวม 305 นาย ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่
3.6 จังหวัดสิงห์บุรี มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี 6 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลอินทร์บุรี) อำเภอพรหมบุรี 6 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 1.30-1.80 ม. อำเภอท่าช้าง 4 ตำบล อำเภอบางระจัน 3 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-0.90 ม. และอำเภอเมือง 4 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลเมืองสิงห์บุรี) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.30-2.20 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัดสิงห์บุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นและได้เสริมแนวกั้นน้ำรอบตัวเมืองในพื้นที่เศรษฐกิจ กำลังพลทหารหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ 70 นาย กองพัน 20 รอ. 85 นาย ศูนย์การทหารปืนใหญ่ 130 นาย และศูนย์การบินทหารบก 33 นาย ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.7 จังหวัดอ่างทอง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย รวมทั้งคลองสาขามีระดับสูงเกินตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง จำนวน 10 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลเมืองอ่างทอง) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.60-1.60 ม.
2) อำเภอป่าโมก จำนวน 7 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลป่าโมก ชุมชนที่ 1-2,8-10) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-1.25 ม.
3) อำเภอไชโย จำนวน 7 ตำบล 2 เทศบาล (เทศบาลตำบลจระเข้ร้อง และเทศบาลตำบลเกษไชโย) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.00-1.25 ม.
4) อำเภอแสวงหา จำนวน 7 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.90 ม.
5) อำเภอวิเศษชัยชาญ จำนวน 13 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.80-1.00 ม.
6) อำเภอสามโก้ จำนวน 5 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.
7) อำเภอโพธิ์ทอง น้ำจากแม่น้ำน้อยท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 15 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.50 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและจังหวัดอ่างทอง จัดส่งรถผลิตน้ำดื่มเคลื่อนที่ 1 คัน เต็นท์ที่พักอาศัยชั่วคราว 120 หลัง น้ำดื่ม 126,520 ขวด ถุงยังชีพ 42,424 ชุด เรือท้องแบน 38 ลำ
- หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษจังหวัดลพบุรีและมณฑลทหารบกที่ 13 จังหวัดลพบุรี พล ป. (ป.พัน 721) กองบิน 2 ช.พัน 1 รอ.(พล.1 รอ.) จัดส่งกำลังพลพร้อมเครื่องจักรกล ระดมเครื่องมือ เรือท้องแบน พร้อมเจ้าหน้าที่ 863 นาย ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง (อ.เมือง 603 นาย อ.ป่าโมก 160 นาย อ.ไชโย 100 นาย)
- โครงการชลประทานอ่างทอง สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 16 เครื่อง ติดตั้งในเขตเทศบาลเมืองอ่างทอง
3.8 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย แม่น้ำป่าสักและแม่น้ำลพบุรี มีระดับสูงขึ้นท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 16 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอพระนครศรีอยุธยา จำนวน 18 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 1.10-1.45 ม.
2) อำเภอบางบาล จำนวน 16 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 1.15-1.45 ม.
3) อำเภอบางไทร จำนวน 23 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.90-1.40 ม.
4) อำเภอผักไห่ จำนวน 16 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 1.20-1.70 ม.
5) อำเภอเสนา จำนวน 10 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลเมืองเสนา) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.75-1.30 ม.
6) อำเภอมหาราช จำนวน 5 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.80-2.00 ม.
7) อำเภอท่าเรือ จำนวน 9 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-2.00 ม.
8) อำเภอนครหลวง จำนวน 10 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-2.00 ม.
9) อำเภอบางปะหัน จำนวน 17 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-2.00 ม.
10) อำเภอบางปะอิน จำนวน 18 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-1.50 ม.
11) อำเภอบ้านแพรก จำนวน 5 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.70 ม.
12) อำเภอภาชี จำนวน 2 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม.
13) อำเภอลาดบัวหลวง จำนวน 7 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม.
14) อำเภอวังน้อย จำนวน 3 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม.
15) อำเภออุทัย จำนวน 11 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.60 ม.
16) อำเภอบางซ้าย จำนวน 6 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หน่วยทหาร อำเภอ เทศบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย มอบถุงยังชีพ 82,500 ชุด เต็นท์ 183 หลัง เรือท้องแบน 30 ลำ รถบรรทุกน้ำ 40 คัน กระสอบทราย 580,000 ใบ รถผลิตน้ำดื่ม 1 คัน กำลังพล 3,155 คน เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.9 จังหวัดสุพรรณบุรี มีน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มริมแม่น้ำท่าจีน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 17 ตำบล อำเภอบางปลาม้า 14 ตำบล อำเภอสามชุก 7 ตำบล อำเภอศรีประจันต์ 9 ตำบล อำเภอเดิมบางนางบวช 9 ตำบล อำเภอด่านช้าง 7 ตำบล และอำเภอสองพี่น้อง 14 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.50 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำกระสอบทราย เพื่อทำคันกั้นน้ำ เครื่องสูบน้ำ เรือท้องแบน ถุงยังชีพ 10,000 ชุด ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.10 จังหวัดปทุมธานี น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณสูงขึ้นประกอบกับมีน้ำทะเลหนุนได้ไหลเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 5 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง จำนวน 8 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.60 ม.
2) อำเภอสามโคก จำนวน 10 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลบางเตย) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.00 ม.
3) อำเภอคลองหลวง จำนวน 7 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.70 ม.
4) อำเภอธัญบุรี จำนวน 1 ตำบล (ตำบลบึงยี่โถ) และ 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลธัญบุรี) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.30 ม.
5) อำเภอลำลูกกา จำนวน 8 ตำบล 3 เทศบาล (เทศบาลเมืองคูคต เทศบาลตำบลลำลูกกา และเทศบาลตำบลลำไทร) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
1) จังหวัดปทุมธานีได้ระดมสรรพกำลังจากทุกหน่วยงานไปช่วยเสริมกระสอบทรายริมแม่น้ำ เพื่อป้องกันมิให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่เหมือนเช่นปี 2538 ที่ผ่านมา
2) การประปานครหลวง ได้เสริมกระสอบทราย จำนวน 150,000 ใบ เป็นคันป้องกันน้ำเพื่อไม่ให้ไหลจากคลองบางกระดีเข้าท่วมบริเวณคลองประปา
3) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปทุมธานี อำเภอ หน่วยงานในพื้นที่ มอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย จำนวน 5,924 ชุด
3.11 จังหวัดนนทบุรี แม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูงขึ้นประกอบกับมีน้ำทะเลหนุนจึงทำให้น้ำเอ่อล้นไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มและบ้านเรือนราษฎรริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งลำคลองสาขาของแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากเกร็ด อำเภอบางบัวทอง อำเภอบางกรวย ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-2.00 ม. อำเภอเมืองอำเภอบางใหญ่ และอำเภอไทรน้อย ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-1.00 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนเรือท้องแบน 24 ลำ กระสอบทราย 1,720,760 ใบ เครื่องสูบน้ำ 102 เครื่อง ถุงยังชีพ 16,900 ชุด กำลังพลช่วยเหลือผู้ประสบภัย 1,379 นาย รวมทั้งช่วยเหลือด้านยารักษาโรค
- จังหวัดได้จัดสรรเงินให้ความช่วยเหลือ ตามระเบียบว่าด้วยเงินทดรองราชการ ฯ ในเบื้องต้น เป็นเงินจำนวน 14,899,140 บาท
3.12 จังหวัดปราจีนบุรี น้ำในแม่น้ำปราจีนบุรี เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีมหาโพธิ 5 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลศรีมหาโพธิ) อำเภอเมือง 11 ตำบล และอำเภอบ้านสร้าง 4 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนเรือท้องแบน 26 ลำ เครื่องสูบน้ำ 17 เครื่อง รถแบ็คโฮ 2 คัน รถยนต์บรรทุก 11 คัน รถยก 1 คัน รถกระเช้า 1 คัน รถสายตรวจ 5 คัน ถุงยังชีพ น้ำดื่ม และ ยาสามัญประจำบ้าน 17,700 ชุด พร้อมกำลังพลช่วยเหลือผู้ประสบภัย 556 นาย
- สร้างสะพานชั่วคราว (เบรีย์) ที่ หมู่ที่ 3 ตำบลหนองกี่ และ หมู่ที่ 10 ตำบลลาดตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี
3.13 กรุงเทพมหานคร ปริมาณน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ระบายเข้าทุ่งฝั่งตะวันออกมีปริมาณมากทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ ดังนี้
- เขตลาดกระบัง มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 67 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.60 ม.
- เขตมีนบุรี มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 8 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.50 ม.
- เขตหนองจอก มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 21 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.60 ม.
- เขตสายไหม มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.30 ม.
- เขตคลองสามวา มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 24 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.30 ม.
- เขตประเวศ มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 1 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 ม.
- และพื้นที่นอกคันกั้นน้ำริมฝั่งเจ้าพระยาใน 11 เขต 33 ชุมชน ราษฎรเดือดร้อน 2,111 ครัวเรือน
การให้ความช่วยเหลือ
- สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ได้เสริมกระสอบทรายเป็นแนวกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาจากเดิมที่ทำไว้ 2.50 ม.รทก. เป็น 2.70-2.90 ม.รทก. พร้อมใช้เครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
- กรุงเทพมหานคร และกองบัญชาการทหารสูงสุด ได้จัดส่งกำลังพลพร้อมเครื่องมือ เครื่องจักรกล ดำเนินการขุดลอกคูคลองตามแนวเหนือใต้ของถนนบางนา-ตราด และถนนมอเตอร์เวย์ ประมาณ 20 คลอง เพื่อเปิดทางน้ำไหลให้ระบายน้ำลงอ่าวไทยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
4) สิ่งของพระราชทาน
1) ในวันนี้ (18 ต.ค.49) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามกุฏราชกุมาร พร้อมด้วยพระเจ้า วรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฏร และพระราชทานถุงยังชีพแก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยใน เขตพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี จำนวน 312 ราย พร้อมทรงรับฟังการถวายบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วมในเขตจังหวัดปทุมธานี
5. การสนับสนุนให้ความช่วยเหลือแก่จังหวัดที่ประสบอุทกภัยของหน่วยงาน
1) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยดังนี้
1.1 ได้ระดมกำลัง เครื่องจักรกล 228 คัน/เครื่อง เรือท้องแบน 191 ลำ รถผลิตน้ำดื่ม 2 คัน เต็นท์ยกพื้นพักอาศัยชั่วคราว 327 หลัง (อ่างทอง 127 หลัง นครสวรรค์ 50 หลัง พิจิตร 39 หลัง
พระนครศรีอยุธยา 20 หลัง ชัยนาท 25 หลัง สิงห์บุรี 23 หลัง และเชียงใหม่ 43 หลัง) พร้อมเจ้าหน้าที่ 560 คน และสนับสนุนถุงยังชีพ 73,500 ชุด ไปปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
1.2 จ่ายเงินค่าจัดการศพ 52 ราย รายละ 15,000 บาท กรณีเป็นหัวหน้าครอบครัว รายละ 40,000 บาท คงเหลือ 31 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ
1.3 จัดส่งถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง ผ้าขาวม้า ผ้าถุง รองเท้ายาง ไปสนับสนุนจังหวัด ที่ประสบภัย คิดเป็นมูลค่า 41,649,800 บาท
1.4 สนับสนุนขวดบรรจุน้ำดื่ม 500,000 ขวด ให้แก่จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง และจังหวัด ลุ่มเจ้าพระยา สำหรับนำไปบรรจุน้ำดื่มแจกจ่ายช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ประสบภัย
2) ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้ประสานงานให้ นขต.ศบภ.ทบ. จัดกำลังพล 3,682 นาย รถยนต์บรรทุก 215 คัน และเรือท้องแบน 34 ลำ ให้การช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ประสบอุทกภัย
6. ปริมาณน้ำฝน ตั้งแต่ 07.00 น วันที่ 17 ต.ค.49 ถึง 07.00 น วันที่ 18 ต.ค.49 วัดได้ ดังนี้
จังหวัดกำแพงเพชร (อ.เมือง) 12.7 มม.
จังหวัดบุรีรัมย์ (อ.บ้านกรวด) 5.8 มม.
จังหวัดอุบลราชธานี (อ.นาจะหลวย) 5.3 มม.
จังหวัดนครปฐม (อ.เมือง) 31.4 มม.
กรุงเทพมหานคร (เขตสวนหลวง) 74.4 มม.
จังหวัดตราด (อ.เมือง) 37.1 มม.
จังหวัดจันทบุรี (อ.เมือง) 22.4 มม.
จังหวัดชลบุรี (อ.บางละมุง) 19.6 มม.
จังหวัดปัตตานี (อ.มายอ) 24.5 มม.
จังหวัดนราธิวาส (อ.แว้ง) 21.1 มม.
7. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ (ข้อมูลวันที่ 18 ต.ค.49)
- เขื่อนภูมิพล ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 13,307 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 155 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็น ร้อยละ 99 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
- เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาตรน้ำในอ่าง 9,461 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 49 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็น ร้อยละ 99 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
- อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ปริมาตรน้ำ 587 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 123 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 82 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด มีการระบายน้ำ 2.59 ล้าน ลบ.ม. (30 ลบ.ม./วินาที)
8. สภาพน้ำเจ้าพระยา
8.1 วันนี้ (18 ต.ค.49) เวลา 06.00 น. มีปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ จำนวน 5,960 ลบ.ม./วินาที ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จำนวน 4,165 ลบ.ม./วินาที และมีปริมาณน้ำระบายจากเขื่อนพระรามหก จำนวน 656 ลบ.ม./วินาที ทำให้ปริมาณน้ำที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีจำนวน 4,821 ลบ.ม./วินาที ทำให้เกิดผลกระทบในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นบริเวณกว้างในหลายพื้นที่ (กรณีปริมาณน้ำเจ้าพระยาไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเกิน 2,500 ลบ.ม./วินาที จะทำให้น้ำท่วม อ.สรรพยา จ.ชัยนาท สองฝั่งเจ้าพระยาของ จ.สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล)
๐สถิติการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจังหวัดชัยนาท เมื่อคราวเกิดอุทกภัยเมื่อปี 2538 และปี 2545
- 5 ต.ค.2538 ระบายน้ำสูงสุด 4,557 ลบ.ม./วินาที
- 0 ต.ค.2545 ระบายน้ำสูงสุด 3,950 ลบ.ม./วินาที
8.2 กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำในการควบคุมน้ำหลากโดยการรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา (รับน้ำเข้าทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก 628 ลบ.ม./วินาที และทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก 231 ลบ.ม./วินาที) ไม่ให้เกิดผลกระทบกับพื้นที่ในทุ่งเจ้าพระยาทั้งสองฝั่ง ผ่านประตูระบายน้ำปากแม่น้ำน้อย แม่น้ำสุพรรณ และคลองชัยนาท-ป่าสัก และได้กำหนดมาตรการลดปริมาณน้ำหลากสูงสุดในช่วงที่น้ำทะเลจะหนุนสูง วันที่ 24-26 ตุลาคม 2549 โดยเร่งรัดการส่งน้ำเพิ่มเติมเข้าพื้นที่ชลประทานในช่วงน้ำหลากสูงสุดทางทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก 945,924 ไร่ คิดเป็นปริมาตรน้ำ 341.10 ล้าน ลบ.ม. และทุ่งเจ้าพระยา ฝั่งตะวันออก 435,000 ไร่ คิดเป็นปริมาตรน้ำประมาณ 177.60 ล้าน ลบ.ม. ในพื้นที่ชลประทาน 8 จังหวัด รวมทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก 1,380,924 ไร่ คิดเป็นปริมาตรน้ำ ประมาณ 518.70 ล้าน ลบ.ม.
ในส่วนที่อยู่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา (ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.49) ได้มีการผันเข้าทุ่งฝั่งตะวันออก 435,000 ไร่ จนถึงวันที่ 17 ต.ค.49 คิดเป็นปริมาตรน้ำ 56.9 ล้าน ลบ.ม. และทุ่งฝั่งตะวันตก 259,856 ไร่ คิดเป็นปริมาตรน้ำ 85.5 ล้าน ลบ.ม. โดยสรุปได้ส่งน้ำเพิ่มเติมเข้าพื้นที่ชลประทาน 881,759 ไร่ คิดเป็นปริมาตรน้ำทั้งหมด 142.4 ล้าน ลบ.ม.
9. จากการตรวจสอบสภาวะฝนจากสถานีเรดาร์อุตุนิยมวิทยา ในวันนี้ (18 ต.ค.49) เวลา 17.00 น. พบ กลุ่มฝนกำลังอ่อน ปกคลุมพื้นที่บางส่วนของจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ขอนแก่น มหาสารคาม นครราชสีมา สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา อยุธยา นครปฐม ปทุมธานี กรุงเทพฯ ราชบุรี เพชรบุรี ระนอง สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง และปัตตานี
10. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 18 ตุลาคม 2549 เวลา 17.00 น.
ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า สำหรับภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออก และภาคใต้มีลมตะวันออกพัดปกคลุมบริเวณดังกล่าวทำให้มีฝนฟ้าคะนองกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่งได้ในระยะนี้
11. สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4,11,12 และรวมทั้งจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ที่คาดว่าจะเกิดภัยให้เตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม และคลื่นลมแรง ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยจัดเจ้าหน้าที่อยู่เวร เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานงานกับ อำเภอ กิ่งอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้นในจังหวัดใด ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ฯ ที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนั้นจัดเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรกลเข้าสนับสนุนทันที
12. ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากมีสถานการณ์คืบหน้าประการใด จักได้ติดตามและรายงานให้ทราบต่อไป
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
Disasterthailand@yahoo.com หรือ โทรสาร 0-2241-7450-6
(กลุ่มงานปฏิบัติการ ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ