ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิต “โนเบิล” เป็น “BBB+” จาก “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Friday September 8, 2006 08:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ก.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท (NOBL06NA) ของ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “BBB+” จากเดิมที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงตราสัญลักษณ์ของบริษัทที่เป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยระดับราคาปานกลางถึงสูง ตลอดจนความสามารถในการรักษาระดับกำไร และสถานะทางการเงินของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ การให้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงบ้านเดี่ยวสร้างเสร็จคงเหลือของบริษัท และอุปสงค์ในที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัวซึ่งเกิดจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง รวมถึงจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยและต้นทุนค่าก่อสร้าง
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถดำรงผลการดำเนินงานทั้งในส่วนของธุรกิจบ้านจัดสรรและอาคารชุดพักอาศัย รวมถึงรักษากำไรและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในระดับที่ดี นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะยังคงดำเนินนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่อไป
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เน้นโครงการบ้านเดี่ยวและอาคารชุดพักอาศัยสำหรับลูกค้าที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทคือการมีตราสัญลักษณ์ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะเป็นผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีรูปแบบทันสมัย โดยบริษัทได้นำเสนอแบบบ้านที่มีเอกลักษณ์ทั้งโครงการบ้านเดี่ยวและอาคารชุดพักอาศัยอย่างต่อเนื่อง ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2548 เป็นที่น่าพอใจ โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นจาก 1,770 ล้านบาทในปี 2547 เป็น 2,506 ล้านบาทในปี 2548 เนื่องจากมีการโอนอาคารชุดพักอาศัยในโครงการ “ออร่า” สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 บริษัทมียอดขายจากโครงการอาคารชุดพักอาศัยเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากแม้ว่ายอดขายจากโครงการบ้านเดี่ยวจะลดลงก็ตาม ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความสำเร็จของโครงการอาคารชุดพักอาศัยแห่งใหม่คือ “รีมิกซ์” บริษัทยังคงรักษาอัตราส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 40% ในปี 2548 และครึ่งแรกของปี 2549 และมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ดีขึ้นจาก 46% ในปี 2547 เป็น 41% ในปี 2548 และ 38% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2549 อย่างไรก็ตาม ในอนาคตบริษัทอาจมีสัดส่วนการใช้เงินกู้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยเพิ่มขึ้น
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันและสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนน่าจะส่งผลกระทบในทางลบต่อธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากผู้ซื้อบ้านบางส่วนอาจจะชะลอการตัดสินใจซื้อบ้านใหม่ออกไป การแข่งขันในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในปี 2549-2550 คาดว่าจะยังคงรุนแรงเนื่องจากยังมีการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในขณะที่อุปสงค์ชะลอตัวลง ทั้งนี้ ราคาวัสดุก่อสร้างและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลทำให้กำไรของผู้ประกอบการลดลง นอกจากนี้ นโยบายการปล่อยกู้ที่เข้มงวดยิ่งขึ้นของธนาคารพาณิชย์น่าจะเป็นปัจจัยจำกัดแผนการขยายธุรกิจของผู้ประกอบการ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นน่าจะส่งผลให้อุปสงค์ในที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ