กระทรวงการคลังเสนอแก้ไขกฎหมายจ่ายเงินช่วยโครงการเออรี่ ปี 53

ข่าวทั่วไป Thursday September 24, 2009 17:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง กระทรวงการคลัง เสนอ ครม. แก้ไขกฎมายการจ่ายเงินช่วยเหลือโครงการเออรี่ข้าราชการ ให้คงได้รับสิทธิไม่น้อยกว่าเดิม และมีโอกาสเข้าโครงการจำนวนมากขึ้น นายแพทย์พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเร่งเสนอการแก้กฎหมายช่วยผู้เข้าร่วมโครงการเออรี่ให้คงได้รับสิทธิไม่น้อยกว่าเดิม และมีโอกาสเข้าโครงการจำนวนมากขึ้น ทั้งนี้จากการกำหนดมาตรการผู้เข้าร่วมโครงการที่กำหนดใหม่ ทำให้จะไม่สามารถเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือ ตามพระราชกฤษฎีการเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ พ.ศ. 2551 จึงต้องมีการแก้ไขกฎหมายให้ครอบคลุม การแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา ที่เห็นชอบมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ได้มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว อยู่หลายประเด็นคือ 1. จากเดิมกำหนดสัดส่วนว่าส่วนราชการต้องมีจำนวนข้าราชการที่มีอายุ ตั้งแต่ 50 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ตั้งแต่ร้อยละ 20 ของจำนวนข้าราชการทั้งหมด ได้ปรับเปลี่ยนสัดส่วนลงเหลือร้อยละ 10 ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้ 2. จากเดิมกำหนดอายุข้าราชการที่เข้าร่วมโครงการ ต้องมีอายุตั้งแต่ห้าสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไป ได้ปรับลดอายุลงมาเหลือเพียงอายุตั้งแต่สี่สิบห้าปีบริบูรณ์ขึ้นไป สามารถเข้าร่วมโครงการได้ 3. ปรับเพิ่มเงื่อนไขผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการได้ ต้องไม่เป็นจำเลยในคดีอาญาซึ่งมิใช่ความผิดลหุโทษหรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทด้วย 4. การกำหนดข้อห้ามมิให้ผู้ซึ่งเข้าร่วมโครงการบรรจุกลับเข้าราชราชการประจำในฝ่ายบริหาร ได้เพิ่มเติม ให้รวมถึงการบรรจุกลับเข้าเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐด้วย “สำหรับการเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือฯ ยังคงเหมือนเดิม คือ ให้เท่ากับจำนวนปีของเวลาราชการที่เหลือ บวกด้วย 8 และคูณด้วย เงินเดือนเดือนสุดท้าย แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 15 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้าย และจะจ่ายเป็นเงินก้อนครั้งเดียว โดยกรอบจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการในปี 2553 (ผู้ที่ยื่นเจตจำนง และเกษียณอายุภายในปีงบประมาณ 2552) มีจำนวน 24,643 อัตรา และขณะนี้ส่วนราชการได้แจ้งจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 24,184 อัตรา คิดเป็นเงินที่ต้องจ่ายรวมทั้งเงินก้อน เงินบำเหน็จ และเงินบำนาญแล้ว ประมาณ 10,188 ล้านบาท” นายแพทย์พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ กล่าว สำนักกฎหมาย กรมบัญชีกลาง โทร. 0-2273-9607

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ