4 สมาคมแพทย์ ชี้มะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก เป็นมหันตภัยเงียบ คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับ 3

ข่าวทั่วไป Thursday August 31, 2006 10:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--โฟร์ฮันเดรท
4 สมาคมแพทย์ ชี้มะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก เป็นมหันตภัยเงียบ คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับ 3 เตือนคนไทยให้ความสำคัญในการตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ ย้ำมะเร็งระยะแรกไม่แสดงอาการ การค้นพบแต่เนิ่นๆ จะช่วยชีวิตได้
เผยตัวเลขคนไทยป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักพุ่ง 4 สมาคมแพทย์ออกโรงเตือนคนอายุ 50-70 ปี มีแนวโน้มป่วยเพิ่ม และเริ่มเป็นในคนอายุน้อยลงเรื่อย ๆ ชี้คนไทยควรให้ความสำคัญในการตรวจสุขภาพเพื่อคัดกรองโรคมะเร็งให้ตนเองให้มากขึ้น เพราะมะเร็งระยะแรกไม่มีการแสดงอาการ และไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ส่วนกลุ่มเสี่ยงมากสุดคือกลุ่มบุคคลที่มีประวัติเป็นโรคมะเร็งในครอบครัว และกลุ่มที่ไม่ชอบรับประทานผัก ผลไม้
ด้วยปัจจุบันโรคมะเร็งยังเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก รวมทั้งในประเทศไทยด้วย โดยกลายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 ของประชากรชาวไทยในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ซึ่งเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นหนึ่งในสาเหตุของของการเสียชีวิตของบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายท่าน ดังนั้นทั้ง 4 สมาคมแพทย์ที่เกี่ยวข้องจึงได้ประกาศความร่วมมือกับภาคเอกชนคือบริษัทซาโนฟี่-อเวนตีส(ประเทศไทย) ริเริ่มจัดตั้ง “โครงการให้ความรู้เรื่องโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก 2549” หรือ Colorectal Cancer Awareness 2006 ขึ้น เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ให้กับประชาชนในวงกว้างมากขึ้นทั้งในเรื่องโรค ปัจจัยเสี่ยง แนวทางป้องกัน การวินิจฉัย การรักษา เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและให้ความสำคัญในการไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ค้นพบแต่ต้นก่อนที่จะเกิดอาการ จะทำให้การรักษาได้ผลดีอย่างยิ่ง
นพ. สุรชาติ จักรภีร์ศิริสุข อุปนายกมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทยกล่าวว่า “โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก พบในเพศชายเป็นอันดับ 3 (รองจากมะเร็งตับและมะเร็งปอด) โดยมีอุบัติการณ์คือ 10.8 ต่อประชากรแสนคน และในเพศหญิงเป็นอันดับ 5 (รองจากมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ และมะเร็งปอด) เป็น 7.3 ต่อประชากรแสนคน โดยกลุ่มผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและในเขตเมืองใหญ่ ๆ ปัจจัยเสี่ยงคือมีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นมะเร็งชนิดนี้ การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อยเกินไป มีไขมันมาก สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ โรคนี้จะไม่มีอาการปรากฏให้ทราบในระยะแรก ๆ ถ้าพบมีการเปลี่ยนแปลงของระบบขับถ่าย เช่นอุจจาระเป็นมูกเลือด คลำพบก้อนในบริเวณท้อง มักจะเป็นระยะที่ลุกลามแล้ว”
พอ. รศ. นพ.ปริญญา ทวีชัยการ ประธานชมรมศัลยแพทย์ลำไส้และทวารหนัก แนะนำว่า “ประชาชนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีประวัติของคนในครอบครัวที่เป็นมะเร็งควรให้ความสำคัญในการไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล รวมทั้งตรวจอุจจาระปีละครั้ง ส่วนการรักษาก็ประกอบด้วยการผ่าตัด การฉายรังสี การให้เคมีบำบัด เป็นการรักษาแบบผสมผสาน หากมีการตรวจพบมะเร็งในระยะแรกจะสามารถรักษาได้โดยการผ่าตัดอย่างเดียวและมีโอกาสหายหรือมีชีวิตอยู่นานกว่า 5 ปี คิดเป็นร้อยละ 95 นับได้ว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่ที่พบในระยะนี้รักษาให้หายได้ จึงควรตรวจค้นหาเพื่อให้มีโอกาสพบแต่ระยะต้น ๆ เพราะการพบแต่แรกจะช่วยให้ผู้ป่วยหายจากโรคได้ซึ่งคุ้มค่ามาก แต่ถ้าเป็นระยะที่ลุกลามไปที่ตับแล้วนั้น เกือบจะไม่มีโอกาสที่จะรักษาให้หายได้เลย”
ศาสตราจารย์นพ.ธนพล ไหมแพง กรรมการชมรมศัลยแพทย์มะเร็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยี่ทำให้ผลการผ่าตัดดีกว่าสมัยก่อน รวมทั้งความก้าวหน้าของการวิจัยในด้านแผนการรักษาต่าง ๆ ช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น”
นพ.ยงยุทธ คงธนารัตน์ นายกสมาคมรังสีรักษาและมะเร็งวิทยาแห่งประเทศไทยกล่าวว่า “การใช้รังสีรักษาจะช่วยควบคุมเฉพาะที่บริเวณก้อนมะเร็ง และต่อมน้ำเหลือง ปัจจุบันมีเครื่องมือใหม่ ๆ จะช่วยให้ผลของรังสีรักษาดีขึ้น อาการข้างเคียงน้อยลง”
นพ. สุรชาติ จักรภีร์สิริสุข อุปนายกมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ การรักษาด้วยเคมีบำบัดนั้นให้ผลการรักษาดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากเนื่องจากมีการวิจัยด้านคลินิคด้วยแผนการรักษาใหม่หลายแบบในระยะหลายปีที่ผ่านมาทำให้สามารถรักษามะเร็งลำไส้ระยะแพร่กระจาย หรือระยะที่สามได้ดีขึ้นจากเดิมมาก” และย้ำว่า “มะเร็งลำไส้ใหญ่รักษาให้หายได้ถ้าพบตั้งแต่ระยะแรก ๆ และได้รับการรักษาแต่เนิ่น ๆ ”
พอ.รศ.นพ. ปริญญา ทวีชัยการกล่าวสรุปว่า “โครงการนี้ประกอบไปด้วยการเผยแพร่ความรู้ สร้างความเข้าใจ ในแง่มุมต่างๆ เกี่ยวกับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เพื่อให้ความสำคัญในการไปตรวจสุขภาพเพื่อคัดกรองโรคมะเร็งโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง โครงการเผยแพร่ความรู้จะดำเนินการผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ทั้งสื่อโทรทัศน์, หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร และการจัดสัมมนาให้ความรู้กับประชาชน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก 4 สมาคม และจะเริ่มเผยแพร่ทางสื่อต่าง ๆ ตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงเดือนธันวาคม ปี 2549 นี้”
นพ. สมภพ ไพบูลย์สิริจิต ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์บริษัทซาโนฟี่-อเวนตีส(ประเทศไทย) กล่าวว่า “การที่ทางบริษัทฯ ซึ่งมีรากฐานจากการวิจัยและพัฒนา ได้ให้การสนับสนุน “โครงการให้ความรู้เรื่องโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก 2549” นี้ เป็นไปตามค่านิยมที่บริษัทฯ ยึดมั่นคือมีจิตสำนึกในการตอบแทนสังคมในฐานะ “พลเมืองดีเพื่อสังคม”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
บริษัท โฟร์ฮันเดรท จำกัด
คุณสิทธิกร เสงี่ยมโปร่ง
โทร. 02-510-5514-5, 01-913-1291
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ