กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน หนุนสร้างเตาอบแห้งลำไยประหยัดพลังงานชี้ช่วยประหยัด LPG ได้กว่า 50%

ข่าวบันเทิง Thursday September 7, 2006 17:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 ก.ย.--สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน หนุนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่สร้างต้นแบบเตาอบแห้งลำไยประหยัดพลังงาน ใช้ฟืนแทนก๊าซหุงต้ม LPG คาดหากเปลี่ยนเตาแบบเดิมมาเป็นเตาแบบใหม่ จะช่วยลดการใช้ก๊าซหุงต้ม LPG ได้ 35 ล้าน กก./ปี
นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ลำไยเป็นพืชเศรษฐกิจที่ทำรายได้เข้าประเทศปีละหลายล้านบาท ส่วนใหญ่นิยมปลูกในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยผลผลิตที่ได้นิยมมาแปรรูปเป็นลำไยแห้งเพื่อลดปัญหาการเน่าเสีย เพิ่มมูลค่าของลำไยให้สูงขึ้น ซึ่งการอบแห้งลำไยในแต่ละครั้ง ต้องใช้พลังงานความร้อนค่อนข้างสูง โดยเตาแบบเดิมที่ใช้เป็นเตาไต้หวัน ซึ่งมีข้อจำกัดในการให้ประสิทธิภาพเชิงความร้อนต่ำ ทำให้สิ้นเปลืองก๊าซหุงต้ม (LPG) ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงหลักจำนวนมาก และคุณภาพของลำไยที่ผ่านการอบด้วยเตาแบบเดิมนั้น ไม่ตรงตามความต้องการของตลาด
ดังนั้น กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดย สนพ. จึงสนับสนุนให้ สถานจัดการและอนุรักษ์พลังงาน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ทำการศึกษาและจัดสร้างเครื่องอบแห้งที่สามารถประหยัดพลังงานและเพิ่มคุณภาพลำไยแห้ง โดยทำการประยุกต์ใช้เตาเผาไหม้เชื้อเพลิง และชุดแลกเปลี่ยนความร้อนของโรงบ่มใบยาสูบขนาดเล็ก มาดัดแปลงร่วมกับชิ้นส่วนอุปกรณ์เดิมของเตาไต้หวัน และเปลี่ยนมาใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิงแทนก๊าซหุงต้ม (LPG) โดยปัจจุบันได้สร้างเครื่องอบแห้งต้นแบบ และนำไปใช้งานที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปลำไย หมู่บ้านสันปู่เลย จ.เชียงใหม่ จำนวน 1 เครื่อง ทั้งนี้ จากการทดสอบพบว่าเตาอบแห้งต้นแบบนี้ มีประสิทธิภาพความร้อนดีขึ้นกว่าเตาแบบเดิม โดยมีค่าประสิทธิภาพเชิงความร้อนเพิ่มขึ้นจาก 28% เป็น 35% และสามารถลดขั้นตอนในการพลิกลำไยรวมถึงลดต้นทุนในการผลิตลำไยอบแห้งได้จำนวนมาก
“ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการอบแห้งลำไยของจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน เติบโตมาก โดยข้อมูลจากการขึ้นทะเบียนของกรมส่งเสริมสหกรณ์ พบว่า มีเตาอบแห้งแบบไต้หวันอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 20,000 เตา ซึ่งทั้งหมดเป็นเตาอบแห้งที่มีการใช้ก๊าซหุงต้ม (LPG) เป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งหากสามารถปรับปรุงเตาทั้งหมดให้เป็นเครื่องอบแห้งแบบใช้เชื้อเพลิงทดแทน จะสามารถลดการใช้ก๊าซ LPG ได้ 35 ล้านกิโลกรัม/ปี คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ทั้งสิ้น 480 ล้านบาท” นายเมตตากล่าว
ด้านนายวิชาญ ขัติยะ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปลำไย หมู่บ้านสันปู่เลย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า กลุ่มวิสาหกิจฯ หมู่บ้านสันปู่เลย มีรายได้หลักจากการแปรรูปลำไยจำหน่าย โดยมีเตาอบแห้งที่ใช้ก๊าซหุงต้มเป็นเชื้อเพลิง (เตาไต้หวัน) อยู่ 7 เตา ช่วงแรกๆ การอบแห้งลำไยสามารถทำกำไรได้ดี แต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ก๊าซหุงต้มมีราคาสูงขึ้น ทำให้การอบแห้งลำไยได้รับผลกระทบ ต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้น จึงไปขอรับคำปรึกษาจากทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) โดยทาง มช. ได้มาทำการปรับปรุงเตาที่มีอยู่ให้เป็นเตาแบบประหยัดพลังงาน โดยใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิงแทนก๊าซหุงต้มจำนวน 4 เตา ทำการปรับปรุงแล้วเสร็จไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2549 ที่ผ่านมา
“จากการใช้งานพบว่า เตาประหยัดพลังงานนี้ ช่วยประหยัดต้นทุนการผลิตได้มาก จากเดิมที่ต้องใช้ก๊าซหุงต้มถังใหญ่ 16 ถังต่อการอบลำไยสด 7,500 กิโลกรัม คิดเป็นเงินประมาณ 13,600 บาท แต่เตาแบบใหม่นี้ช่วยลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงเหลือเพียง 3,000 บาทเท่านั้น ที่สำคัญ ได้คุณภาพของลำไยอบแห้งที่ดีขึ้น สามารถควบคุมสีลำไยให้ออกมาตามที่ต้องการได้ ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น ในอนาคตทางกลุ่มฯ มีนโยบายจะขยายเตาประหยัดพลังงานเพิ่มอีกเป็น 12 เตา เพื่อให้สามารถรองรับผลผลิตที่ชาวบ้านนำมาจำหน่ายได้เพิ่มขึ้น” นายวิชาญกล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
โทร. 0-2612-1555 ต่อ 201

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ