กรุงเทพฯ--29 ก.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน
ดีเอชแอลทยอยเพิ่มโบอิ้ง 767ERF จำนวน 6 ลำในฝูงบินภายในสิ้นปี 2555
โบอิ้ง 767 ERF 2 ลำแรกเริ่มให้บริการเดือนกันยายน ในเส้นทาง LEJ-JFK และ EMA-JFK
เครื่องบินลำที่ 3 จะให้บริการระหว่างเส้นทาง EMA-CVG ตุลาคมนี้
ดีไซน์ปีกโบอิ้งแบบ Blended Winglets ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงสูงถึง 1 ล้านลิตร และลดคาร์บอนไดออกไซด์ 3,150 ตันต่อปี ส่งเสริมนโยบาย GoGreen
ดีเอชแอล ผู้นำธุรกิจธุรกิจขนส่งด่วนระดับโลก ประกาศเพิ่มเครื่องบินขนส่งโบอิ้ง 767ERF ในฝูงบิน โดยเครื่องบินลำแรกได้ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติไลพ์ซิก (LEJ) ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติ จอห์น เอฟ เคเนดี้ เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา เครื่องบินโบอิ้ง 767ERF ทั้งหกลำนี้ดำเนินการภายใต้ ดีเอชแอล แอร์ (สหราชอาณาจักร) ซึ่งจะช่วยยกระดับบริการของดีเอชแอลระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติก ที่ตรงต่อเวลาและเพิ่มความไว้วางใจยิ่งขึ้น เครื่องบินเหล่านี้จะนำมาแทนที่เครื่องบิน MD-11F ที่ปัจจุบันนี้ ดีเอชแอลใช้งานร่วมกับลุฟท์ฮันซ่าคาร์โก้ ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจ
การค้าระหว่างแอตแลนติกมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการหมุนเวียนทางการค้าในปี 2551 ระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯ และสหรัฐฯ กับยุโรป ที่มีมูลค่าถึง 347 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 288 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามลำดับ เส้นทางการค้านี้ถือว่าสำคัญสำหรับดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส โดยมูลค่าของบริษัทฯ ในตลาดขนส่งด่วนระหว่างแอตแลนติกยังคงอยู่ในระดับที่สูงแม้ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ และคาดว่ามูลค่าการขนส่งด่วนจะเพิ่มสูงขึ้นอีกเมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
เครื่องบินโบอิ้ง 767ERF ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเครื่องบินสินค้าขนาดกลางลำตัวกว้างที่ทันสมัยที่สุดในขณะนี้ ด้วยความสามารถในการบรรทุกสินค้าหนักถึง 59 ตัน และบินได้ระยะทางไกลสุดถึง 6,025 กิโลเมตร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเที่ยวบินตรงระหว่าง อีส มิดแลนด์ (EMA) สหราชอาณาจักร และ ซินซินนาติ (CVG) และ นิวยอร์ก สหรัฐฯ รวมทั้งเส้นทางระหว่างไลพ์ซิก เยอรมนี (LEJ) ซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้าในยุโรปที่สำคัญของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส และนิวยอร์ค (JFK) สหรัฐฯ เที่ยวบินเหล่านี้จะยกระดับการเชื่อมโยงระดับนานาชาติของเครือข่ายสหรัฐฯ และทำให้ดีเอชแอลสามารถขยายบริการขนส่งด่วนภายในเวลาที่กำหนดในวันถัดไปในเส้นทางระหว่างฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ กับยุโรป โดยดีเอชแอลเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่จดทะเบียนเครื่องบินประเภทนี้ในยุโรป หลังจากที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานความปลอดภัยทางการบินแห่งยุโรป (EASA)
เครื่อง 767ERF โดดเด่นที่สุดในบรรดาเครื่องบินในตระกูลนี้ทางด้านประสิทธิภาพและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ทันสมัย และ Winglets ซึ่งเป็นปีกขนาดเล็กตั้งตรงส่วนปลายปีกของเครื่องบิน ที่พัฒนาโดย เอวิเอชั่น พาร์ทเนอร์ โบอิ้ง Winglets จะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ประมาณร้อยละ 4 ซึ่งดีเอชแอลคาดว่าจะสามารถลดปริมาณการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ถึง 3,500 — 4,000 ตัน (ประมาณ 1,000 แกลลอน) ในเส้นทางปกติยุโรปและสหรัฐฯ ทั้งขาไปและขากลับ หากคำนวณจากเครื่องบิน 767ERF ทั้ง 6 ลำในเส้นทางบินระหว่างแอตแลนติก 5 ครั้งต่อสัปดาห์ 52 สัปดาห์ใน 1 ปี จะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงประมาณ 6,000,000 ลิตร ต่อปี นอกจากประสิทธิภาพอันเยี่ยมยอดด้านการใช้เชื้อเพลิงแล้ว เครื่องบิน 767ERF ที่มี Winglets ยังปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าเครื่องบินที่ไม่มี ปีกชนิดนี้ประมาณ 3,150 ตันต่อปี หากเปรียบเทียบกับรุ่น MD-11F ซึ่งใช้ให้บริการก่อนหน้านี้ในเส้นทางข้ามแอตแลนติกของดีเอชแอล เครื่องบิน 767ERF ใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่าร้อยละ 53 ต่อเที่ยวบิน และผลิตคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลงร้อยละ 53 เช่นกัน ด้วยลักษณะพิเศษเหล่านี้ เครื่องบิน 767ERF จึงมีบทบาทอย่างยิ่งในโครงการ GoGreen ของดอยช์ โพสต์ เวิลด์ เน็ต ซึ่งคาดว่าจะลดการใช้คาร์บอนของกลุ่มได้ถึงร้อยละ 30 ภายในปี 2563 ซึ่งการปรับเปลี่ยนฝูงบินเป็นส่วนหนึ่งของวิธีการที่จะทำให้โครงการบรรลุผลสำเร็จ
ชาลี ดอบบี้ รองประธานฝ่ายบริหาร ด้านการบินและการจัดการเครือข่ายขนส่งด่วน ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส กล่าวว่า “การนำโบอิ้ง 767ERF มาใช้ร่วมในฝูงบินของเราเป็นการใช้เทคโนโลยีอันชาญฉลาดที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในขณะนี้ ยิ่งไปกว่านั้น การให้บริการด้วยเครื่องบินรุ่นใหม่ที่ไว้วางใจได้ในเส้นทางระหว่างแอตแลนติกพิสูจน์ว่า เราจริงจังในการพัฒนาศักยภาพสำหรับบริการขนส่งด่วนทั้งขาเข้าและออกจากสหรัฐฯ อีกทั้ง ประสิทธิภาพของเครื่องบินทำให้เรารักษาความสามารถทางการแข่งขันที่สูงไว้ได้ และช่วยส่งเสริมโครงการ GoGreen ของกลุ่มอีกด้วย”
ศูนย์กระจายสินค้าของดีเอชแอลที่ได้รับการปรับปรุงไปเมื่อเร็วๆ นี้ ณ ท่าอากาศยานนานาชาตินอร์ธเทิร์น เคนตักกี้/ซินซินเนติ (CVG) จะเป็นศูนย์กระจายสินค้าหลักในสหรัฐฯ สำหรับชิปเมนท์ระหว่างแอตแลนติก ซึ่งจัดเป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ล้ำสมัยด้วยระบบจัดการชิปเมนท์อัตโนมัติเต็มศักยภาพซึ่งให้ความคุ้มค่าอย่างมากต่อธุรกิจระหว่างประเทศของดีเอชแอล เมื่อเทียบกับศูนย์กระจายสินค้าแห่งเดิม ลูกค้าดีเอชแอลจะได้รับประโยชน์จาก Quality Control Center ของสหรัฐฯ แห่งใหม่ที่ CVG ซึ่งจะติดตามสถานะชิปเมนท์ทั่วทั้งสหรัฐฯ และปรับเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งชิปเมนท์เพื่อช่วยป้องกันการล่าช้า
จากภาพ ดีเอชแอลอวดโฉมเครื่องบินโบอิ้ง 767ERF ที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งของบริการขนส่งด่วนในเส้นทางระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป ความพิเศษของเครื่องบินรุ่นนี้คือ Blended Winglets ที่ปลายปีกทั้งสองข้างที่ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงสูงถึง 1 ล้านลิตร และลดคาร์บอนไดออกไซด์ 3,150 ตันต่อปี ตอกย้ำถึงความพยายามลดการปล่อยคาร์บอนตามโครงการ GoGreen ของกลุ่มบริษัท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน ประเทศไทย
อรวรรณ ชื่นวิรัชสกุล หรือ พิชญ์พธู ไวยโชติ
โทรศัพท์ 0-2627-3501 ต่อ 212 หรือ 217
โทรสาร 0-2627-3510
อีเมล์ ochuenwiratsakul@th.hillandknowlton.com
pwaiyachote@th.hillandknowlton.com
ข้อมูลเพิ่มเติมดีเอชแอล
ดีเอชแอล ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับโลก
ดีเอชแอล เป็นผู้นำระดับโลกทางด้านอุตสาหกรรมลอจิสติกส์ และ ”ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับโลก” มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญพิเศษในด้านบริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศ การขนส่งทางอากาศ ทางเรือ และทางบก ตลอดจนโซลูชั่นด้านลอจิสติสก์ต่างๆ และบริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ปัจจุบัน ดีเอชแอลมีเครือข่ายเชื่อมโยงครอบคลุมมากกว่า 220 ประเทศและอาณาเขตต่างๆ ทั่วโลก ด้วยบุคลากรกว่า 310,000 คนทั่วโลก ที่พร้อมมอบบริการที่รวดเร็ว วางใจได้ และเกินความคาดหวังของลูกค้าโดยได้รับการสนับสนุนจากทีมงานระดับท้องถิ่น ที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งนี้ ดีเอชแอลได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมโดยการสนับสนุนการปกป้องสภาพภูมิอากาศ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยพิบัติ และการส่งเสริมด้านการศึกษา ดีเอชแอล เป็นหนึ่งในตราสินค้าของดอยช์ โพสท์ ดีเอชแอล ซึ่งสามารถทำรายได้กว่า 54 พันล้านเหรียญยูโร ในปี ค.ศ. 2008 กรุณาเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ http://press.ap.dhl.com เพื่อรับทราบข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับดีเอชแอล ในเอเชีย แปซิฟิก
ดีเอชแอล ประเทศไทย ให้บริการขนส่งและลอจิสติกส์อย่างครบวงจรด้วยศักยภาพของ 3 หน่วยงาน ได้แก่ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ดีเอชแอล โกลเบิลฟอร์เวิร์ดดิ้ง และดีเอชแอล ซัพพลายเชน ที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกอย่างเต็มที่จากการติดต่อผู้ให้บริการเพียงรายเดียว (one-stop-shop) ซึ่งรองรับการขนส่งทุกรูปแบบ ตั้งแต่เอกสารไปจนถึงตู้คอนเทนเนอร์ โดยมีพนักงานกว่า 6,300 คนให้บริการอย่างมืออาชีพ ผ่านเครือข่ายและจุดบริการมากกว่า 70 แห่ง ที่ให้บริการครอบคลุม 76 จังหวัดทั่วประเทศไทย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ http://www.dhl.co.th