กรุงเทพฯ--23 ม.ค.--พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค
แผนธุรกิจปี 2549 ของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เพิ่มพันธมิตรตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านการเงิน ดึงกองทุนจากฮ่องกงเข้าลงทุนหุ้นกู้ กระจายราคาจับตลาดครอบคลุมทุกระดับ กระจายทำเลเพิ่ม พร้อมเดินหน้านโยบายผู้นำการพัฒนาโครงการที่เน้นเรื่องสภาพแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย หลังได้รับรางวัลสภาพแวดล้อมดีเด่น 2 โครงการ วางเป้าขายจากทั้งหมด 16 โครงการ รวม 8,000 ล้านบาท
นายชายนิด โง้วศิริมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงานแถลงแผนการดำเนินธุรกิจปี 2549 ว่า ปีนี้ การแข่งขันจะรุนแรงขึ้น ผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับตัวเป็นบริษัทขนาดใหญ่เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร ซึ่ง พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค รวมถึง บริษัทในกลุ่มคือ กรุงเทพบ้านและที่ดิน ได้ดึงพันธมิตรธุรกิจจากต่างประเทศ เข้ามาร่วมลงทุนด้วย สำหรับ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ได้ GEMS (General Enterprise Management Services Limited) ซึ่งเป็น Private Equity Fund จากฮ่องกง เข้ามาร่วมทุน โดยมี บริษัท เซจ แคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยบริษัทได้รับมติให้เสนอขายหุ้นจำนวนไม่เกิน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.5% ซึ่ง GEMS ได้จองซื้อมาแล้ว 20 ล้านเหรียญ และยังมีแผนที่จะเพิ่มการลงทุนอีก และหากมีการแปลงสภาพหุ้นกู้แล้ว GEMS จะมีสัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัท 14%
“GEMS เป็นกองทุนที่มีเงินทุนมาจากทั่วโลก และสนใจลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีประสบการณ์การลงทุนในประเทศไทยมาแล้ว และเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของไทย สำหรับครั้งนี้ GEMS มองถึงการลงทุนระยะยาวในบริษัทที่มีคุณภาพและศักยภาพการเติบโต ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เราออกหุ้นกู้แปลงสภาพที่ตรงกับความต้องการของ GEMS ทำให้เราได้พันธมิตร และแหล่งเงินทุนระยะยาวที่มีดอกเบี้ยต่ำ และเนื่องจากเป็นรายใหญ่รายเดียวที่เข้ามาลงทุน รวมทั้งยังได้แสดงถึงความตั้งใจในการลงทุนระยะยาว และต้องการที่จะเป็น Strategic Partner กับเรา ดังนั้น ทางบริษัท จึงได้มีการพิจารณาในเรื่องการแต่งตั้งตัวแทนจาก GEMS ซึ่งได้แก่ Mr.Kevin K. Yip เข้าร่วมในการบริหารงานของบริษัทด้วย”
สำหรับ บริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด ได้ดำเนินการจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนจำกัด โดยเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,700 ล้านบาท ชำระแล้ว 1,500 ล้านบาท และมี บริษัท เฟรเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทย่อยของกลุ่ม เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ กลุ่มธุรกิจรายใหญ่จากสิงคโปร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ร่วมกันดำเนินโครงการคอนโดมิเนียม เข้ามาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนใหม่ จำนวน 50 ล้านหุ้น คิดเป็นจำนวน 562.5 ล้านบาท หรือเท่ากับ 33% ส่วน พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ถือหุ้นในสัดส่วน 20%
นายชายนิดกล่าวว่า บริษัทยังมีแผนการลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุนให้เหลือ 1:1 โดยปี 2549 นี้ วางเป้าขายไว้ 8,000 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 6,200 ล้านบาท และ คอนโดมิเนียม 1,800 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 33.33% เมื่อเทียบกับปี 48 ที่มียอดขาย 6,100 ล้านบาท โดยในปีนี้ มีโครงการที่เปิดขายรวม 16 โครงการ มูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการเดิม 13 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท และ โครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท ได้แก่ เพอร์เฟค พาร์ค บางใหญ่ มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท เพอร์เฟค พาร์ค แจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท และ เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ รัตนาธิเบศร์ มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท
ในส่วนของกลยุทธ์หลักๆ ที่จะนำมาใช้ในปีนี้นั้น ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัทจะเน้น การกระจายสินค้าในทุกระดับราคา โดยจับตลาดที่อยู่อาศัยทุก Segment ตั้งแต่ 1-15 ล้านบาท ในสัดส่วนที่แตกต่างกัน ซึ่งถือเป็นการกระจายความเสี่ยงด้วย และไม่ว่าโครงการใหม่ หรือส่วนต่อขยายในโครงการเดิม จะเน้นกลุ่มบ้านเดี่ยวในระดับ 3 ล้านบาทเพิ่มขึ้น โดยประกอบด้วย เพอร์เฟค พาร์ค บ้านเดี่ยว 3-4 ล้านบาท ในสัดส่วน 30% เพอร์เฟค เพลส บ้านเดี่ยว 4-6 ล้านบาท ในสัดส่วน 51% เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ บ้านเดี่ยว 7-15 ล้านบาท ในสัดส่วน 19% และ เมโทร พาร์ค คอนโดฯเมือง ราคา 1-2 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายโครงการเมโทร พาร์ค เฟส 2 เพิ่มขึ้น มูลค่าประมาณ 1,250 ล้านบาท โดยในปลายปีนี้ จะสร้างเป็นคอนโดพร้อมเข้าอยู่ ซึ่งนอกจากตัวอาคารและห้องชุดที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว จะมีการก่อสร้างสโมสร สระว่ายน้ำ ให้แล้วเสร็จพร้อมกันอีกด้วย
พร้อมกันนี้ ยังมี การกระจายทำเลมากขึ้น จากเดิมที่มีโครงการในทำเล รังสิต / ติวานนท์-วงแหวน / รัตนาธิเบศร์ / พระราม 5 / รามคำแหง / สุขุมวิท 77 / เอกมัย-รามอินทรา / สาทรตัดใหม่ จะมีโครงการใหม่ในทำเลใหม่ ได้แก่ บางใหญ่ และ แจ้งวัฒนะ ปีนี้ยังวางนโยบายไว้ว่า จะเป็นปีที่เน้นในเรื่องของสภาพแวดล้อมโครงการ และคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา 2 โครงการของบริษัท ได้รับรางวัลการจัดการสภาพแวดล้อมดีเด่นมาแล้ว และเป็นนโยบายที่บริษัทจะเดินหน้าต่อไปในเรื่องนี้ โดยจะมุ่งสร้างสภาพแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น ภายใต้มาตรฐานเดียวกันในทุกโครงการ นอกจากนี้ ในปีนี้ เรายังมีการลงทุนสร้างสโมสรขนาดใหญ่แบบครบวงจรเพิ่มขึ้นอีกด้วย จากเดิมที่มีอยู่ 4 แห่ง โดยจะสร้างเพิ่ม 4 แห่งในปีนี้ และเพิ่มอีก 3 แห่ง ในปี 2550 ซึ่งในปี 2550 ทุกโครงการของบริษัทจะมีสโมสรขนาดใหญ่ รวม 11 สโมสร โดยวางเป้าหมายเป็นผู้นำการพัฒนาโครงการที่เน้นเรื่องสภาพแวดล้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้อยู่อาศัยในโครงการ
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--