กรุงเทพฯ--6 ก.พ.--โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์
ระดมพลเหล่าขุนศึกและทหารนับพันเข้าสมรภูมิรบในฉากอลังการ “พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง” ตะลุยเอฟเฟ็คท์ระเบิดทั้งบนบกและใต้น้ำ ท่านมุ้ยคิดค้นเทคนิคและประยุกต์วัสดุทำเอฟเฟ็คท์ต่างๆ ได้คุณภาพสูง-ราคาถูกกว่า
ถ่ายทำกันอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ในฉากสำคัญของประวัติศาสตร์ “พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง” หลังจากที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครงแล้ว ทรงตระหนักดีว่าพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงจะต้องยกกองทัพมาตีอโยธยา จึงทรงเร่งกวาดต้อนครัวไทย-ครัวมอญข้ามแม่น้ำสะโตงกลับไปยังอโยธยาโดยเร็ว
นับเป็นฉากใหญ่ที่สุดอีกฉากหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทั้งยังเป็นการรวมตัวของบรรดานักแสดงรุ่นใหญ่ อาทิ สรพงษ์ ชาตรี รับบท มหาเถรคันฉ่อง, คมน์ อรรฆเดช รับบท พระยาท้ายน้ำ, ประดิษฐ์ ภักดีวงษ์ รับบท พระยาเกียน, ศักราช ฤกษ์ธำรง รับบท พระยาราม, ธนา สินทรัพย์ รับบท สีหราชเดโช และ ดี๋ ดอกมะดัน รับบท เศรษฐี, โกวิท วัฒนกุล รับบท ขุนรัตนแพทย์ ซึ่งทุกคนต่างก็ดีใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งของวงการภาพยนตร์ไทย ภายใต้การกำกับของ “ท่านมุ้ย — ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล”
คมน์ อรรฆเดช ที่รับบท “พระยาท้ายน้ำ” กล่าวว่า “ห่างจากวงการไป ๒๐ กว่าปีแล้ว พอได้กลับมาเล่นอีกครั้งก็รู้สึกตื่นเต้น ดีใจ และเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับท่านมุ้ยอีกครั้ง ก่อนรับงานก็ไม่ได้ถามท่านว่าจะให้แสดงเป็นอะไร ตอบตกลงเลย เพราะเราจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้แสดง และที่สำคัญภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยิ่งใหญ่และลงทุนมหาศาล เนื้อเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยนำเทคนิคต่างๆ จากต่างประเทศมาช่วย ประกอบกับความพร้อมทางด้านเอฟเฟ็คท์และทุนสร้าง ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีครบ และชาวต่างประเทศน่าจะทึ่ง ตั้งแต่อยู่ในวงการมาเรื่องนี้เป็นหนังไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ชีวิตเคยเห็นมา น่าติดตาม เป็นเรื่องที่นักแสดงทุกคนต้องอยากเล่น เพราะถือว่าเป็นเกียรติประวัติของการเป็นนักแสดง ไม่ว่าจะได้เล่นเป็นอะไรเราก็ภูมิใจ”
ดี๋ ดอกมะดัน นักแสดงตลกรุ่นเก๋า กล่าวถึงการร่วมงานในครั้งนี้ว่า“แสดงเป็นเศรษฐีไทยที่รู้จัก มักคุ้นกับพระนเรศวรเป็นอย่างดี ค้าขายจนร่ำรวย แต่เป็นคนที่เห็นแก่ตัวไม่รักบ้านเกิดแผ่นดินแม่ของตัว คิดว่าตัวเองเป็นคนมอญ ซึ่งบทนี้ก็สร้างสีสันให้กับหนังได้ไม่น้อย ที่เข้ามาเล่นเรื่องนี้เพราะเรารู้สึกผูกพันกับท่านมุ้ยตั้งแต่ตอนที่เล่นเรื่อง ‘คนเลี้ยงช้าง’ พอท่านเรียกมาเล่นเรื่องนี้อีกก็ดีใจ และตั้งใจว่าจะเล่นเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายแล้ว”
ส่วน ธนา สินทรัพย์ ผู้รับบท “สีหราชเดโช” กล่าวว่า “เคยเล่นหนังมาเมื่อ ๒๐ กว่าปีที่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับท่านมุ้ย รู้สึกดีใจมากครับ อยากร่วมงานกับท่านมุ้ยมานานแล้วและอยากเล่นเรื่องนี้มาก ได้รับโอกาสดีๆ อย่างนี้เพราะพี่เอก-สรพงษ์ ชาตรี แนะนำครับ ยิ่งได้แสดงกับเพื่อนๆ นักแสดงรุ่นเดียวกันที่ไม่ได้เล่นด้วยกันมาเป็น ๑๐ ปี พอมาเจอกันเรื่องนี้ก็ดีใจมากครับ”
ด้าน ประดิษฐ์ ภักดีวงษ์ กล่าวถึงบทบาทในเรื่องนี้ว่า “รับบทเป็น พระยาเกียน ครับ เป็นชาวมอญ ได้รับคำสั่งจากพม่าให้มาฆ่าพระนเรศวร แต่จิตใจเราภักดีต่อพระนเรศวรจึงนำความมากราบทูลพระองค์ท่าน ดีใจที่ได้รับบทนี้ แม้จะเป็นคนมอญแต่ก็จงรักภักดีต่อพระนเรศวร ก็ไม่ผิดหวัง เพราะได้เล่นหนังฟอร์มใหญ่ที่ท่านมุ้ยทรงกำกับ ไม่ว่ารับบทไหนก็ภูมิใจอยู่แล้วครับ ที่สำคัญผมคิดว่าถ้าใครได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว จะยิ่งทำให้เราเกิดความรักและหวงแหนแผ่นดินไทยมากยิ่งขึ้นครับ”
นอกจากจะมีนักแสดงรุ่นใหญ่คับคั่งแล้ว ในฉากนี้ยังใช้ทหารร่วมพันคน พร้อมช้าง ม้า วัว ตะลุยสมรภูมิรบที่มีเอฟเฟ็คท์พิเศษทั้งบนบกและใต้น้ำอีกด้วย โดย คุณวันชัย แจ้งเนตร หัวหน้าทีมเอฟเฟ็คท์ ผู้คร่ำหวอดในวงการนี้มากว่า ๓๐ ปี เปิดเผยว่า เทคนิคพิเศษที่นำมาใช้ในเรื่องนี้จะพิเศษกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ตรงที่เป็นหนังฟอร์มใหญ่ ไม่ว่าอะไรก็ต้องทำให้ดูยิ่งใหญ่ไปด้วย แม้กระทั่งเอฟเฟ็คท์ระเบิดเฉพาะในฉากนี้จะต้องใช้ระเบิดนับพันลูกเพื่อให้เหมือนอยู่ในสงครามจริงๆ ส่วนการระเบิดสะพานในฉากนี้ก็จะต้องใช้ระเบิดที่ใหญ่และแรงมากเพื่อให้สะพานที่โดนระเบิดลอยขึ้นมา ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบมากเพราะมีนักแสดงเป็นพันคน แล้วยังมีช้างม้าอีก เราต้องระมัดระวังและคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกฝ่ายซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
นอกจากนี้ยังมีเทคนิคอื่นๆ ที่ท่านมุ้ยได้คิดค้นและปรับปรุงขึ้นเองจากประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความสามารถของท่าน เช่น คอมเพรสเซอร์ของระบบลม ซึ่งนำมาใช้เป็นแรงดันให้น้ำกระจาย หรือให้ฝุ่นกระจาย การทำธนูปักอกก็ใช้ระเบิดลมวิ่งตามสายสลิงพร้อมกับให้มีไฟติดไปด้วย เมื่อปล่อยธนู ลมก็จะดันธนูเข้าไปปักที่ตัวนักแสดงโดยมีเบ้าเหล็กรองรับอยู่ในจุดที่ต้องการพอดี ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ทำเอฟเฟ็คท์ ท่านก็ได้ดัดแปลงประยุกต์โดยใช้วัสดุที่มีในบ้านเรา ซึ่งคุณภาพไม่ต่างกัน แต่ราคาถูกกว่า อย่างเช่นระเบิด แทนที่เราจะใช้น้ำมันเราก็ใช้เคมีแทน ซึ่งไม่ร้อนมาก เสียงก็ไม่ดังมาก และทำให้นักแสดงปลอดภัยได้มากกว่าด้วย ส่วนการทำวัตถุระเบิดเราใช้ดินที่ใช้ทำพลุมาดัดแปลงให้เป็นระเบิด
เห็นความยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างขนาดนี้แล้ว เห็นทีคอหนังไทยจะพลาดไม่ได้ แต่ก็ต้องขอให้อดใจรออีกนิด เพราะตอนนี้เร่งเครื่องถ่ายทำกันอย่างเต็มที่แบบไม่มีวันหยุดกันเลยทีเดียว รับรองว่าอีก ไม่นานก็จะได้ชม “ภาพยนตร์แห่งปี” เรื่องนี้อย่างแน่นอน
บรรยายภาพ
1. หนึ่งในฉาก “พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง” พระนเรศวร ทรงกวาดต้อนครัวไทย-มอญกลับไปอโยธยา
2. พระมหาเถรคันฉ่อง รับบทโดย สรพงษ์ ชาตรี
3. รวมเหล่าดารารุ่นใหญ่เข้าฉาก “พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง”
4. พระยาเกียน รับบทโดย เอกกวี ภักดีวงษ์ และ พระยาราม รับบทโดย ศักราช ฤกษ์ธำรงค์
5. เศรษฐี รับบทโดย ดี๋ ดอกมะดัน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช”
บริษัท โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร ๐ ๒๖๙๑ ๖๓๐๒-๔, ๐ ๒๒๗๔ ๔๙๖๑-๒
สามารถคลิกดูภาพได้ที่ www.thaipr.net--จบ--