กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--ม.รังสิต
ตามที่มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กำหนดจัดพิธีประสาทปริญญาประจำปี 2549 โดยปีนี้สภามหาวิทยาลัยรังสิต ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ แด่มกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน (His Royal Highness Crown Prince Jigme Khesar Namgyel Wangchuck) โดยทางมหาวิทยาลัยฯ ได้เล็งเห็นถึง พระอัจฉริยภาพในด้านแนวคิด ยุทธศาสตร์การบริหารพัฒนาประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
สำหรับการเตรียมงานนั้นทุกฝ่ายของมหาวิทยาลัยรังสิต ได้ดำเนินการเตรียมการถวายการต้อนรับพระองค์อย่างสมพระเกียรติ ทั้งนี้มหาวิทยาลัยได้จัดทำหนังสืออนุสรณ์ที่ระลึกสำหรับบัณฑิต 3,000 เล่ม ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับประเทศภูฎาน ประวัติของเจ้าชายจิกมี และข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยทั่วๆ ไป เป็นการสานสัมพันธภาพระหว่างมหาวิทยาลัยรังสิต กับประเทศภูฎาน พร้อมทั้งได้ประพันธ์เพลง “Precious Prince Of Hearts” ถวายเจ้าชายจิกมี ซึ่งบทเพลงดังกล่าวได้ขับร้องในพิธี และทำเป็นรูปแบบซีดีสอดในหนังสือที่แจกให้บัณฑิตด้วย โดยมีคุณพิศมัย จันทวิมล เป็นผู้ประพันธ์คำร้อง และ ดร.เด่น อยู่ประเสริฐ อ.นพ ประทีปเสน ประพันธ์ทำนอง และขับร้องโดย คุณธีรนัยน์ ณ หนองคาย พร้อมกันนี้ยังมีการแสดงของนักศึกษาวิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต และกรมศิลปากร เพื่อเป็นเกียรติให้แด่พระองค์
มกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เสด็จมาถึงอาคารอาทิตย์ อุไรรัตน์ มหาวิทยาลัยรังสิต เวลา 11.30 น. โดยประมาณ จากนั้นทรงประทับพักผ่อนตามพระอัธยาศัย เสวยพระยาหารกลางวัน และทรงเปลี่ยนเครื่องทรงชุดครุยปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ณ ห้องประทับรับรองชั้น 11 จากนั้นเสด็จฯ จากอาคารอาทิตย์ อุไรรัตน์ โดยรถกอล์ฟพระที่นั่งไปยังอาคารนันทนาการ พร้อมด้วย พล.อ.ต.กำธน สินธวานนท์ นายกสภามหาวิทยาลัย และ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อเข้ารับการทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และพระราชทานสุนทรพจน์ แก่บัณฑิตที่เข้าร่วมพิธีฯ ดังนี้
“ ข้าพเจ้ายินดีและเป็นเกียรติที่มหาวิทยาลัยรังสิตได้ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญานี้ให้แก่ข้าพเจ้า ซึ่งเปรียบเสมือนของขวัญที่มีค่าจากใจคนไทยทุกคน ความชื่นชมและความอบอุ่นที่คนไทยให้ข้าพเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่คาดคิดมาก่อน ข้าพเจ้าจะเก็บความรู้สึกที่อบอุ่นของทุกท่านไว้ในความทรงจำและไว้ในใจของข้าพเจ้า
ในโอกาสนี้ ข้าพเจ้าอยากจะขอแบ่งปันความคิดและความรู้สึกของข้าพเจ้าแก่ทุกคน ข้าพเจ้ามีโอกาสเดินทางไปหลายประเทศ ได้สังเกตว่าอนาคตของแต่ละประเทศจะเป็นอย่างไร จะประสบผลสำเร็จ และมีความยากเย็นแค่ไหน ข้าพเจ้าสามารถเรียนรู้และได้ความรู้จากทั้งประชาชน วัฒนธรรม และประสบการณ์ของประเทศที่ข้าพเจ้าเดินทางไปเยือน
ข้าพเจ้าไม่ใช่คนเก่ง ข้าพเจ้าพยายามจะยืนอยู่บนความคิดและความเป็นเหตุเป็นผล ด้วยการสื่อสารกับผู้คนมากมาย โดยเฉพาะกับเยาวชน ข้าพเจ้าได้พบปะเยาวชนไทยหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าพวกเขารักประเทศไทย มีความเป็นเอกภาพ และมีความฝันของตนเอง ซึ่งข้าพเจ้าหวังว่าเยาวชนของภูฏานจะมีคุณสมบัติเหมือนเยาวชนของประเทศไทยด้วย
ในโอกาสที่ข้าพเจ้าได้เดินทางมาร่วมงานเฉลิมฉลองในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ข้าพเจ้าได้เห็นประชาชนของไทยแสดงความจงรักภักดี และเสียสละแก่พระมหากษัตริย์และประเทศของตน ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งนี้เป็นหัวใจสำคัญของประชาชนคนไทยในการป้องกันประเทศอีกด้วย
ด้วยปรัชญาของประเทศภูฏานที่ให้ความสำคัญกับ ความสุขมวลรวมประชาชาติ ซึ่งความสุขมวลรวมนี้เปรียบเหมือนสะพานระหว่างความเติบโตของเศรษฐกิจและคุณค่าในความทัดเทียมกันและความเป็นคน ซึ่งชาวภูฏานทุกคนหวังว่า วันหนึ่งพวกเราจะสามารถเป็นประชาชนของโลกในยุคสมัยนี้ได้
ท้ายนี้ ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวว่าบัณฑิตทุกคนเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของประเทศ ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาของพวกคุณที่จะทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองในอนาคตต่อไป ข้าพเจ้าหวังว่าบัณฑิตทุกคนจะประสบความสำเร็จ และมีอนาคตที่สดใสในฐานะประชาชนชาวไทย “
สำหรับบรรยากาศการเฝ้ารับเสด็จฯ เจ้าชายจิกมี เต็มไปด้วยความคึกคัก โดยมหาวิทยาลัยฯ ได้จัดเตรียมพื้นที่บริเวณสนามฟุตบอลในการรับเสด็จฯ นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดสดบรรยากาศงานผ่านรายการ U-Channel ของมหาวิทยาลัยฯ เพื่อให้ประชาชนที่เฝ้ารับเสด็จฯ ได้ติดตามชมอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ มีประชาชนจากทั่วสารทิศ รวมทั้งคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมชื่นชมในพระจริยวัตรอันงดงาม ซึ่งสร้างความปลาบปลื้มอย่างหาที่สุดมิได้ และนับเป็นความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยรังสิตเป็นอย่างยิ่ง ที่พระองค์ทรงให้เกียรติเข้าร่วมพิธีดังกล่าว
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net