กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
แรงส่งจาก CAMRY โฉมใหม่ และ FORTUNER ดัน ยอดขาย IHL โตกว่าไตรมาสก่อนถึง 47% และเสริมกำลังด้วยการปรับปรุงรูปแบบการผลิตใหม่ ส่งผลให้กำไรพุ่งขึ้นกว่า 271% เทียบกับไตรมาส2/2006 ด้านโรงงานเร่งผลิตเต็มกำลัง หวังรองรับออเดอร์ Q4 ทะลัก เชื่อยอดขายและกำไรโตอย่างต่อเนื่อง หลังมอเตอร์ โชว์ หนุน
นายองอาจ ดำรงสกุลวงษ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) หรือ IHL ผู้ผลิตเบาะที่นั่งสำหรับรถยนต์ และอุปกรณ์ชิ้นส่วนหนังประดับรถยนต์ ทั้งพวงมาลัย กระปุกเกียร์ เปิดเผยถึงผลการดำเนินการในไตรมาสที่ 3 ปี 2549 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 233 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขาย 231 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 74 ล้านบาท หรือ คิดเป็นอัตราเติบโตถึง 47 % นอกจากนั้น ในไตรมาสที่ 3 นี้ บริษัทได้ทำการปรับเปลี่ยนทั้งรูปแบบในการผลิต และวิธีการปฏิบัติงานในสายการผลิตใหม่ ส่งผลให้ของเสียลดลง ปริมาณผลงานมีมากขึ้น ดันกำไรให้พุ่งขึ้นเป็นกว่า 24 ล้านบาทในไตรมาส 3 เพียงไตรมาสเดียว หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 271% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2006
สำหรับปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นนั้น มาจากการผลิตเบาะหนังให้กับรถยนต์ TOYOTA CAMRY ซึ่งได้รับการตอบรับจากตลาดยานยนต์ในบ้านเราเป็นอย่างมาก และการผลิตเบาะหนังให้กับรถยนต์ TOYOTA FORTUNER ที่ยังคงรักษาระดับการขายไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ รายได้จากการจำหน่ายเบาะหนังให้กับรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นดังกล่าวถือเป็นรายได้หลักที่มีสัดส่วนสูงถึง 60 % ของยอดขายรวมที่ทำได้ในไตรมาสที่ 3 ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงรักษารายได้จากการขายสำหรับรถยนต์รุ่นอื่นและแบรนด์อื่นๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้น แตกต่างกับไตรมาสที่ผ่านมาอย่างก้าวกระโดด
“ขณะนี้ทางโรงงานของเรากำลังเดินเครื่องเพื่อผลิตอย่างเต็มที่ ประมาณ 90% ของกำลังการผลิตเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของรถรุ่นใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้ ส่วนรถรุ่นเดิมก็ยังคงมีออเดอร์เข้ามาเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง” นายองอาจกล่าว
ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ไฮด์ กล่าวด้วยว่า บริษัทยังคงเชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตของยอดขาย และความสามารถในการทำกำไรในไตรมาสที่ 4 ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง จากยอดคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาอย่างหนาแน่น และภาวะอุตสาหกรรมในหมวดยานยนต์ที่จะกลับมาคึกคักในช่วงปลายปี จนคาดว่าจะต้องมีการเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของโรงงานที่ 6 ให้ได้ทันภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารยอมรับว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วที่กำลังจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 4 อาจจะส่งผลต่อการผลิตในภาพรวมหากไม่มีการวางแผนการผลิตอย่างรัดกุมและรอบคอบ ซึ่งในปัจจุบัน โรงงานที่ 6 ได้มีความก้าวหน้าไปอย่างมากตามกำหนดการที่วางไว้ ดังนั้น บริษัทเชื่อว่าบริษัทจะยังคงรักษาระดับกำลังการผลิตให้สามารถตอบสนองต่อปริมาณคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพต่อไปได้
นอกจากการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องของยอดขายในปัจจุบันแล้ว ในไตรมาสที่ 4 บริษัทกำลังจะมียอดขายหนุนเพิ่มจากรถรุ่นใหม่อีก 3 รุ่น ประกอบด้วย HONDA CRV โฉมใหม่ MITSUBISHI (USA) และ NISSAN-X61 ทำให้เชื่อมั่นว่า การเติบโตที่กำลังจะเกิดขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะเป็นปรากฏการณ์ที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นในรอบปี 2549
นายองอาจกล่าวด้วยว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังมีความชัดเจนและผ่อนคลายขึ้นมาตามลำดับ ภาวะราคาน้ำมันที่ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดงาน Motor Show ครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในช่วงปลายปีนี้ ทำให้บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าจะส่งผลที่ดีต่อทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ในภาพรวม และส่งผลดีต่อบริษัทเช่นกัน โดยเฉพาะในระยะเวลาประมาณ 6 เดือนนับจากนี้
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ :กฤติยาพร พลตรี
บริษัทมาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
โทรฯ 02-643-1191-2 มือถือ 08-9636-8414
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net