ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ “บ้านปู” ที่ระดับ “A” พร้อมปรับแนวโน้มเป็น “Positive” จากเดิม “Stable”

ข่าวทั่วไป Thursday July 28, 2005 09:24 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน (BP064A BP084A BP082A BP109A BP093A และ BP111A) ของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) คงเดิมที่ระดับ “A” พร้อมทั้งปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Positive” หรือ “บวก” จากเดิม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อันยาวนานของคณะผู้บริหาร สถานะผู้นำในธุรกิจถ่านหิน การกระจายตัวของแหล่งถ่านหิน การกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีเสถียรภาพทางการเมืองต่ำและจากความผันผวนของราคาถ่านหิน นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังรวมถึงความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจในระดับภูมิภาคซึ่งมีระดับการแข่งขันที่รุนแรงกว่าตลาดในประเทศ
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทบ้านปูซึ่งเปลี่ยนเป็น “Positive” หรือ “บวก” จาก “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงรักษาระดับผลการดำเนินงานและความสามารถในการทำกำไรได้ตามเป้าหมายโดยยังคงได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงและนโยบายของผู้บริหารที่จะรักษาสมดุลย์ระหว่างการเติบโตและความแข็งแกร่งทางการเงิน ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นในระยะปานกลางหากบริษัทยังคงรักษาระดับความแข็งแกร่งของฐานะการเงินเอาไว้ได้
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทบ้านปูยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดถ่านหินในประเทศโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 39% ของตลาดรวมของผู้ประกอบการภาคเอกชน ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจถ่านหินกว่า 20 ปีส่งผลให้บริษัทประสบความสำเร็จในดำเนินธุรกิจถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย ปัจจุบันบริษัทติดอันดับ 1 ใน 5 ของผู้ผลิตถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศดังกล่าว นอกจากนี้ การมีถ่านหินที่มีคุณภาพหลากหลายและเหมืองถ่านหินหลายแหล่งยังมีส่วนช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดระดับภูมิภาคให้แก่บริษัท บริษัทได้ซื้อหุ้น 18.8% ใน Asian American Coal Inc. (AACI) ซึ่งประกอบกิจการเหมืองถ่านหินในประเทศจีน จากการศึกษาและสำรวจทางเทคนิคซึ่งจัดทำโดยบริษัทที่ปรึกษาต่างประเทศระบุว่า ณ เดือนธันวาคม 2547 บริษัทมีปริมาณสำรองถ่านหินในประเทศไทยและอินโดนีเซียรวมทั้งสิ้น 300.8 ล้านตัน (คิดจากการถือหุ้น 100%) เพิ่มขึ้น 81% จากปี 2546 ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากปริมาณถ่านหินสำรองที่เพิ่มจากเหมืองในประเทศจีนและราคาถ่านหินที่สูงขึ้น
ผลผลิตถ่านหินของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านตันในปี 2547 โดยถ่านหินกว่า 80% มาจากเหมืองในประเทศอินโดนีเซีย รายได้จากการขายถ่านหินเพิ่มขึ้น 38% จากปี 2546 เป็น 17,227 ล้านบาท นอกจากธุรกิจถ่านหินแล้ว บริษัทยังมีการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าคิดเป็นมูลค่าประมาณ 9,000 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2547 หรือ 2.5 เท่าของเงินลงทุนเริ่มแรก การลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าของบริษัทประกอบด้วยการถือหุ้นใน บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด หรือ BLCP (50%) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH (14.99%) โดยในปี 2547 บริษัทได้รับเงินปันผลจาก RATCH จำนวน 413 ล้านบาท ทริสเรทติ้งกล่าว--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ