กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--ITAP
“ หจก.ข้าวแต๋นแม่บัวจันทร์ ” ปรับโฉมผลิตภัณฑ์จากขนมโบราณ สู่ขนมยุคใหม่ ตอบรับกระแสผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ด้วยงานวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยียืดอายุผลิตภัณฑ์ หวังขยายตลาดส่งออกเพิ่มหลังได้รับการตอบรับอย่างมากจากต่างประเทศ ส่งผลให้กำลังการผลิตไม่เพียงพอ ล่าสุด เตรียมขยายโรงงานให้เป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบ พร้อมต่อยอดจากข้าวแต๋นวาไรตี้ สู่ ‘ ขนมปลอดสารพิษ ’ ตั้งเป้า ขยายตัวถึง 200% ภายในปี 2550 และคาดอีก 4 ปี พร้อมก้าวสู่ ‘บริษัทจำกัด’ ต่อไป
ปัจจุบัน ‘ ข้าวแต๋น ’ มิใช่เป็นเพียงขนมพื้นบ้านภายในท้องถิ่นหรือชุมชนอีกต่อไป แต่สามารถโกอินเตอร์ได้ถ้ารู้จักปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ รสชาติ และการบรรจุหรือแพคเกจจิ้งที่น่าสนใจ นอกจากเรื่องของการทำตลาดแล้ว เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ก็สามารถยกระดับตัวเองได้เช่นกัน
นายสุธาณี เยาวพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัดข้าวแต๋นแม่บัวจันทร์ เปิดเผยว่า ข้าวแต๋น เป็นขนมโบราณมีมานานกว่า 200 ปี ที่มีการพัฒนาวิธีการผลิตจากภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่นหรือชุมชนส่วนใหญ่จะเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายกันในท้องถิ่นนั้นๆ
สำหรับข้าวแต๋นแม่บัวจันทร์ เป็นการรวมตัวของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านทุ่งม่านเหนือ ต.บ้านเป้า อ.เมือง จ.ลำปางนี้ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2538 และจัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่าน โดยนำข้าวเหนียวซึ่งเป็นวัตถุดิบในท้องถิ่นมาผลิต จากเดิมที่มีเพียงไม่กี่แบบ แต่ปัจจุบันสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีรูปแบบและรสชาติที่หลากหลาย มาเป็นข้าวแต๋นน้ำแตงโม‘วาไรตี้’ ที่มีหน้าให้เลือกมากถึง 36 หน้า ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะกระแสผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดต่างประเทศ อาทิ หน้าธัญพืชรวม , หน้าโดนัท , หน้าสาหร่ายสไปซี่ หรือจะเป็นรูปทรงขนาดต่างๆ เช่น ข้าวแต๋นคำเดียว , ข้าวแต๋นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือ ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า และสามเหลี่ยม เป็นต้น
ปัจจุบันข้าวแต๋นแม่บัวจันทร์ สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศถึงร้อยละ 80 กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 56 จังหวัด มียอดขายไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อปี และยังจัดเป็นขนมไทยระดับต้นๆ ที่ได้รับการตอบรับจากชาวต่างชาติมากที่สุดอีกด้วย โดยมีการวางจำหน่ายอยู่ในต่างประเทศกว่า 27 ประเทศทั่วโลก ทำให้ หจก.ข้าวแต๋นแม่บัวจันทร์ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียง 8 ปี
“ จากเดิมที่เป็นเพียงวิสาหกิจชุมชนเล็กๆ ระดับรากหญ้า มาเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดในปัจจุบัน สามารถสร้างรายได้ให้กับสมาชิกที่มีอยู่ทั้งหมด 46 คน ๆ ประมาณ 300 บาทต่อวัน หรือเกือบหมื่นบาทต่อเดือน และคาดว่า หลังจากขยายโรงงานแห่งใหม่บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ พร้อมกับการจัดทำระบบ GMP และ HACCP เสร็จเรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ จะสามารถขยายตัวได้ถึง 200% ภายในปี 2550 และมั่นใจว่า บริษัทฯ จะยังขยายตัวได้อย่างยั่งยืนบนการดำเนินธุรกิจแบบเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมตั้งเป้าให้โรงงานแห่งใหม่เป็นแหล่งเรียนรู้การผลิตข้าวแต๋นต้นแบบแห่งแรกของไทยให้กับวิสาหกิจชุมชนอื่นๆ ที่มีความสนใจ สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเอง ถือเป็นการสร้างงานและสร้างความเข้มแข็งไปสู่กลุ่มชุมชนอื่นๆอีกด้วย โดยคาดว่า จะสามารถจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดได้ภายในอีก 4 ปีข้างหน้า เพื่อต้องการก้าวไปสู่การเป็นบริษัทมหาชนกำจัดในที่สุด นั่นคือเป้าหมายสูงสุดของเรา” นายสุธาณี กล่าว
สำหรับผลิตภัณฑ์ข้าวแต๋นแม่บัวจันทร์ที่มีให้เลือกหลากหลายอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นผลมาจากการนำงานวิจัยเข้ามาช่วยในการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะเรื่องของอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ เนื่องจากในกระบวนการผลิตแบบเดิมนั้น ส่วนใหญ่จะต้องใช้มือสัมผัสกับวัตถุดิบทั้งหมดตั้งแต่กระบวนการกดข้าวเหนียวไปจนถึงกระบวนการพิมพ์ และการทอดที่ยังก่อให้เกิดปัญหาเรื่องกลิ่มหืนของน้ำมันซึ่งจะส่งผลต่อรสชาติและความคงทนของผลิตภัณฑ์ ทำให้อายุของผลิตภัณฑ์อยู่ได้เพียง 4-6 เดือน รวมถึงปัญหาการยึดเกาะของเม็ดข้าวที่มักจะร่วงง่ายเวลารับประทานทำให้ไม่เป็นที่นิยมของผู้บริโภค
จากปัญหาดังกล่าว หจก.ข้าวแต๋นแม่บัวจันทร์ จึงต้องการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการผลิตใหม่ โดยการนำเอางานวิจัยเข้าไปใช้ในการช่วยพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ จึงได้เข้ารับความช่วยเหลือจากโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (ITAP) ภายใต้ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เครือข่ายภาคเหนือ ในการจัดส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาเครื่องพิมพ์ข้าวแต๋นต้นแบบ และการยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ ที่ลดการสัมผัสด้วยมือลง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาให้สามารถจัดเก็บอาหารได้นาน 1 ปี -18 เดือน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความสนใจที่จะขอรับการสนับสนุนด้านเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากโครงการสนับสนุนการวิจัย พัฒนาและวิศวกรรมภาคเอกชน (CD) สวทช. เพื่อจัดซื้อเทคโนโลยีสำหรับการไล่ลมร้อน เพื่อยืดอายุการถนอมอาหารให้ยาวนานขึ้นเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐฯ และอังกฤษ ซึ่งจะเป็นการขยายช่องทางการตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นอีก
หจก.ข้าวแต๋นแม่บัวจันทร์ จึงถือเป็นต้นแบบของผู้ประกอบการขนมไทยที่ยกระดับตนเองจากรากหญ้าขึ้นมาเป็นวิสาหกิจชุมชนเล็กๆ จนก้าวสู่ตลาดสากลได้อย่างภาคภูมิใจ ที่สำคัญ ข้าวแต๋นแม่บัวจันทร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องการมุ่งเน้นงานวิจัยเพื่อการพัฒนาปรับปรุงตนเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและมีความหลากหลาย ตอบสนองความต้องการของตลาด ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ล่าสุด ข้าวแต๋นแม่บัวจันทร์ ยังมีแนวคิดที่จะต่อยอดผลิตภัณฑ์ออกไปเป็นผลิตภัณฑ์ออแกนนิกส์ ฟู้ดส์ ถือเป็นการพัฒนาจากขนมโบราณ สู่ขนมยุคใหม่ “ ขนมปลอดสารพิษ ” รับกระแสผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะความต้องการที่สูงมากในตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นช่องทางด้านการตลาดและโอกาสดีสำหรับขนมไทยที่จะก้าวไกลได้ในตลาดสากล
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้ารับการสนับสนุนในโครงการ ITAP สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2564-8000 หรือ www.nstda.or.th/itap
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (ITAP) โทร.0-2619-6187,88
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net