DSGT กำไรไตรมาส 2/49 พุ่ง 57%

ข่าวทั่วไป Friday August 11, 2006 11:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล
นายว่อง โป วา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DSGT เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2/49 ปีนี้ ผลการดำเนินงานและกำไรของ DSGT ออกมาสูงกว่าที่คาดหมายไว้ โดยเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาและช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/49 ปีนี้ มีกำไรสุทธิ 39.07 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.16 บาท เพิ่มขึ้น 57.07% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 24.87 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 13.77% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/49 ที่ 34.34 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากเดิม 5.55% ในไตรมาส 1/49 เป็น 6.15% ในไตรมาส 2/49 นี้ อันเป็นผลมาจากกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาขายที่เพิ่มขึ้น สำหรับกำไรสุทธิในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ทำได้ 73.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.02% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และหากคำนวณเป็นกำไรสุทธิเต็มปี (Annualized) บริษัทและบริษัทย่อยจะมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.49 บาท
ทั้งนี้ รายได้รวมของ DSGT และบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น เนื่องจากในไตรมาสที่ 2/49 นี้ DSGTและบริษัทย่อยสามารถทำยอดขายรวมได้ 635.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.62% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 554.27 ล้านบาท โดยหากเปรียบเทียบสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี สามารถทำยอดขายรวมได้ 1,254.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.80% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 1,092.52 ล้านบาท อย่างไรก็ดี รายได้ส่วนหนึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายของบริษัทย่อยในต่างประเทศ ได้แก่ ในมาเลเซียเติบโตขึ้น 23.18% ในอินโดนีเซียเติบโตขึ้น 33.49% และในสิงคโปร์เติบโตขึ้น 32.93% เมื่อเทียบกับงวด 6 เดือนของปีที่แล้ว
นายว่อง กล่าวต่อว่า บริษัทฯ จะมีแผนที่จะขยายตลาดเข้าไปในตลาดต่างจังหวัด ที่ยังคงมีอัตราการใช้อยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่การขายสินค้าโดยตรงให้กับทางโรงพยาบาลและสถานีอนามัย จะช่วยรักษาปริมาณยอดขายให้อยู่ระดับสูงได้ในระยะยาว ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้จะทำให้บริษัทขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยจากการสำรวจของ AC Nielson ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กของ DSGT มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 ในเมืองไทยคิดเป็น 19% โดยผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมเด็กในกลุ่มพรีเมี่ยมได้แก่ แบรนด์ “Fitti Soft Comfort” กลุ่มระดับกลางได้แก่ แบรนด์ “BabyLove” และกลุ่มราคาประหยัด “Fitti Basic” ส่วนผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในเมืองไทยคิดเป็น 68% โดยมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรีเมี่ยมได้แก่ แบรนด์ “Dispo123” กลุ่มระดับกลางได้แก่ แบรนด์ “Certainty Guard” และกลุ่มราคาประหยัดได้แก่ แบรนด์ “Certainty”
ภายหลังจาก IPO (การเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชน) DSGT จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายไปชำระหนี้สถาบันการเงินและสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ซึ่งจะทำให้บริษัทลดภาระดอกเบี้ยจ่ายลงได้อย่างมาก และมองว่าอุตสาหกรรมผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ยังคงมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากผ้าอ้อมสำเร็จรูปเป็นสินค้าจำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวัน และผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงสุขอนามัยและความสะดวกสบาย นายว่อง โป วา กล่าว
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ได้ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 4.20 บาทต่อหุ้น จากการคำนวณตามวิธี Discounted Cash Flow โดยประเมินกำไรสุทธิในปี 2549 ไว้ที่ 137 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.46 บาท และประเมินอัตราเติบโตอยู่ที่ 3% มูลค่าบริษัทที่ได้จากการคำนวณอยู่ที่ 1,324 ล้านบาท หลังจากหักสิทธิของเจ้าหนี้และมูลค่าในส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ DSGT จะเท่ากับ 1,261 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.20 บาทต่อหุ้น
สื่อมวลชนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณปิยวรรณ อนันต์เวทยานนท์ (เอ๋)
ที่ปรึกษางานประชาสัมพันธ์
โทร. 01 944-1972 หรือ piyawan_anan@yahoocom

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ