กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--ปตท.
ตามที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2552 ให้หน่วยงานของรัฐสั่งระงับโครงการหรือกิจกรรมการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุด จ.ระยอง ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ยกเว้นโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับใบอนุญาตก่อนวันประกาศใช้บังคับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และโครงการหรือกิจกรรมที่ไม่ต้องทำ EIA ตามประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ 16 มิถุนายน 2552 นั้น กลุ่ม ปตท.อยู่ระหว่างการเตรียมหารือกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องการพิจารณาแนวทางลดผลกระทบหรือยื่นอุทธรณ์ต่อไป
โครงการแนบท้ายคำฟ้องที่อาจจะได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลดังกล่าว มีทั้งสิ้น 76 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 4 แสนล้านบาท โดยเป็นโครงการในกลุ่ม ปตท. จำนวน 25 โครงการ ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 เพื่อผลิตก๊าซหุงต้ม และวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานเพื่อลดปริมาณการใช้พลังงาน น้ำ และสารเคมี โครงการปรับลดการระบายมลพิษ และโครงการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐานยูโร 4 เพื่อปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศให้ดียิ่งขึ้น เป็นต้น ทั้งนี้ การระงับโครงการดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อคู่ค้า คู่สัญญา สถาบันการเงิน อุตสาหกรรมต่อเนื่องในสายโซ่อุปทาน (supply chain) และส่งผลกระทบต่อการจ้างงานกว่า 1 แสนคน ซึ่งรวมถึงแรงงานในพื้นที่อีกด้วย
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยืนยันว่า กลุ่ม ปตท. ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของภาครัฐอย่างเคร่งครัดตามมาตรฐานสากล ซึ่งตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่การดูแลรับผิดชอบสังคมสิ่งแวดล้อม และมีการปรับปรุงระบบการทำงานและเทคโนโลยีให้ทันสมัยอยู่เสมอ นอกจากนั้น ที่ผ่านมา กลุ่ม ปตท. ได้ร่วมมือกับภาครัฐและชุมชนในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษปี 2550 - 2554 ซึ่งในช่วง 2 ปีแรก กลุ่ม ปตท. สามารถลดปริมาณการระบายก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ลงได้กว่า 43% และ 45% ตามลำดับจากค่าที่ได้รับอนุมัติใน EIA รวมทั้ง ลดปริมาณการใช้น้ำในกระบวนการผลิตได้กว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ลดปริมาณน้ำทิ้งกว่า 7 แสนลูกบาศก์เมตรต่อปี และลดปริมาณขยะอุตสาหกรรมลงได้ 378 ตันต่อปี
ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท. มุ่งมั่นที่จะร่วมส่งเสริมให้จังหวัดระยองเป็นเมืองที่น่าอยู่ ผ่านมาตรฐานการดำเนินงานที่เข้มงวดระดับสากล ยึดหลักธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม และพร้อมปฏิบัติตามข้อกำหนด กฎเกณฑ์ตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ ที่ส่วนท้องถิ่นกำลังเร่งจัดทำเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดต่อไป