กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำยังคงแกว่งตัวผันผวนและอาจปิดบวกได้ แม้ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐยังถดถอยลง จากความอ่อนแออย่างต่อเนื่องในตลาดแรงงาน แต่สัญญาณบ่งชี้ด้านที่อยู่อาศัยก็ปรับตัวดีขึ้นแล้ว ขณะที่ในคืนนี้ จะมีรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนและดัชนี PMI ซึ่งเชื่อว่าน่าจะออกมาดีตามคาด และจะกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาก็มีแนวโน้มจะถูกถ่วงโดยการอ่อนค่าของค่าเงินเยนได้เช่นกัน
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD 30 นาทีเคลื่อนอยู่ในแดนบวกทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 0 ทำให้ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, Fast Stochastic เคลื่อนตัวลง ทำให้ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวลง, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 49.604 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways, แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $986 - $996 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.53 - ฿33.68
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นขาขึ้น, RSI อยู่ที่ระดับ 44.136 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทว่าได้ตัดเส้น Signal จากด้านบนทำให้ดูราคาเป็นลบ, MACDFเคลื่อนอยู่ในแดนลบ ทำให้ดูทิศทางเป็นลบ, Fast-Stochastic กำลังเคลื่อนตัวอยู่ต้ายเส้น Trigger ทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้น ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Bull โดยจะใช้แนวต้านที่ $1,035 เป็นแนวต้านระยะกลางที่สำคัญ ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $985 และ $965 ตามลำดับ
ราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,850 บาท) ซึ่งเท่ากับราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,850 หรือที่ $992.75) ขณะที่ราคาของ GFV09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,850 บาท ซึ่งก็เท่ากับราคาในตลาดโลกเช่นกัน ซึ่งเท่ากับว่า GFV09 มีราคาเท่ากับราคาที่ร้านค้าปลีกและเท่ากับราคาในตลาดโลก ดังนั้น จึงยังคงไม่คุ้มค่าในการค้ากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนนี้
S&P/K ชิลเลอร์เปิดเผยราคาบ้านใน 20 เขตเมือง เพิ่มขึ้นเกินคาด +1.6% ในเดือน ก.ค. และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ก่อนหน้าที่ +0.5% ถึง 3 เท่า ได้บ่งชี้ถึงความมีเสถียรภาพของตลาดที่อยู่อาศัย หลังร่วงลงมานาน 3 ปี และเมื่อเทียบเป็นรายปี ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองลดลงเพียง -13.3% จากเดือนก.ค.ปีก่อน และลดลงน้อยกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าว่าจะลดลง -14.3%
ธนาคารโลก - นายโรเบิร์ต โซลลิค ประธานธนาคารโลกกล่าวเตือนเจ้าหน้าที่สหรัฐมิให้มั่นใจในความสำคัญของดอลลาร์มากเกินไปในฐานะเป็นสกุลเงินในทุนสำรองของโลก และตั้งข้อสังเกตว่า สกุลเงินยูโร รวมทั้งหยวนของจีนก็ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกมากขึ้นที่จะกระจายสัดส่วนการถือครอง
ภาวะเศรษฐกิจเยอรมัน — GfK ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดของเยอรมันเปิดเผยผลสำรวจพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมันพุ่งสู่ระดับ 4.3 ในเดือนต.ค. เทียบกับ 3.8 ในเดือนก.ย. สูงสุดในรอบ 16 เดือน จากความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เศรษฐกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง +7 สต. มาปิดที่ 33.61 บาท จากที่ปิด 33.54 บาทเมื่อวันก่อนหน้า จากการกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งของดอลลาร์ หลังนายฮิโรฮิสะ ฟูจิอิ รมว.คลัง ญี่ปุ่นได้กล่าวว่าเขาจะไม่ปฏิเสธการดำเนินการแทรกแซง ถ้าค่าเงินเยนปรับตัวผิดปกติ ขณะที่เช้านี้เงินบาทแข็งค่าขึ้น -1 สต. มาที่ 33.60 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.53 บาทและ 33.46 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 33.68 บาทและ 33.76 บาท
ปัจจัยลบ
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนนี้
1. Conference Board เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงเกินคาดมาที่ระดับ 53.1 ในเดือนก.ย.จากระดับ 54.5 ในเดือนส.ค. และสวนทางกับที่คาดไว้ก่อนหน้าว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจะขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 57.0 ในเดือน ก.ย. ท่ามกลางข้อมูลการจ้างงานที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 26 ปี ซึ่งตอกย้ำถึงความวิตกเกี่ยวกับฐานะการเงินส่วนบุคคล
2. ABC News เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ (Consumer Comfort Index) ทรงตัวที่ระดับ -46 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ยังคงติดลบ
3. การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) เปิดเผยหลังตลาดปิดทำการว่า ปริมาณสำรองน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น +2.8 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 ก.ย. มาที่ 340 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นพุ่งขึ้น +2.3 ล้านบาร์เรล มาที่ระดับ 170.7 ล้านบาร์เรล แต่ปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินลดลง -1.7 ล้านบาร์เรล มาที่ระดับ 212.5 ล้านบาร์เรล
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์ปิดแข็งค่าขึ้น -$0.0037 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4582 จากที่ปิด $1.4619 เมื่อวันก่อนหน้า หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงเกินคาดส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นที่ลดลงในตลาดหุ้น ได้กระตุ้นให้มีการเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย ส่วนเช้านี้ดอลลาร์อ่อนค่าลง +$0.0009 มาอยู่ที่ $1.4591
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ร่วงลง -$0.13 มาที่ $66.71 ต่อบาร์เรล จากที่ปิด $66.84 ต่อบาร์เรลเมื่อวันก่อนหน้า ท่ามกลางความวิตกต่ออุปสงค์ หลังรายงานระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้โภคลดลงในเดือนที่แล้ว + ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ได้ทำให้มีแรงขายออกมาบางส่วน แต่ราคาน้ำมันยังคงได้แรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวกับข้อพิพาทของอิหร่านกรณีโครงการนิวเคลียร์ ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ขยับลงอีก -$0.14 มาอยู่ที่ $66.57 ต่อบาร์เรล หลัง API ระบุปริมาณสำรองน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากถึง +2.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดกันว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง +0.6 ล้านบาร์เรลเท่านั้น
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้
1. ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศสหรัฐประจำเดือนก.ย. เวลา 19.15 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศจะลดลง -2.10 แสนตำแหน่งในเดือน ก.ย. หลังจากลดลง -2.98 แสนตำแหน่งในเดือน ส.ค.
2. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงขั้นสุดท้ายประจำไตรมาส 2 ปี 2009 เวลา 19.30 น. โดยผลสำรวจคาดว่า 2Q09 GDP สหรัฐจะติดลบ -1.2% เทียบกับที่รายงานไปก่อนหน้านี้ติดลบ -1.0%
3. สมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งชาติ (NAPM) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนก.ย. เวลา 20.45 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ดัชนี PMI เขตชิคาโกจะเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 52.0 ในเดือนก.ย. จากระดับ 50.0 ในเดือน ส.ค.
4. สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐ เวลา 21.30 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ปริมาณสำรองน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น +0.6 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น +1.2 ล้านบาร์เรล และปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น +1.0 ล้านบาร์เรล ขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นอาจลดลง -0.5%
กองทุนทองคำ — กองทุนทองคำ SPDR ได้รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 29 ก.ย.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,094.11 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.48 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35.17 ล้านออนซ์